Thursday, December 1, 2011

6แดงพ้น คดีปล้นเซ็นทรัล

http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakF5TVRJMU5BPT0=&sectionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHhNaTB3TWc9PQ==

วันที่ 02 ธันวาคม พ.ศ. 2554 ปีที่ 21 ฉบับที่ 7673 ข่าวสดรายวัน


6แดงพ้น คดีปล้นเซ็นทรัล


มาร์คอ้าง-ไม่ได้ หมายเรียก16ศพ นครบาลจัดห้อง รอมา"ให้การ"วันนี้



อิสรภาพ- 6 คนเสื้อแดงจำเลยคดีปล้นเซ็นทรัลเวิลด์ ได้รับปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ภายหลังศาลยกฟ้อง โดยมีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำเสื้อแดงไปรอรับจำนวนมาก เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.

′มาร์ค′บอกทั้งตัวเองและ ′เทพเทือก′ ยังไม่ได้รับหนังสือเรียกสอบปากคำคดี 16 ศพ ซัดรองนายกฯ เหลิม อย่าชี้นำคดี ขณะที่นครบาลจัดห้องเตรียมรอรับให้การแล้ววันนี้ ด้านโฆษกเพื่อไทยจี้ ′มาร์ค-เทือก′ เข้าพบตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ อย่าทำตัวปากกล้าขาสั่น ด้านศาลพิพากษาจำคุก ƍ นปช.′ 6 เดือนฐานละเมิดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ยกฟ้องข้อหาใช้อาวุธปล้นทรัพย์ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เพราะหลักฐานไม่มีน้ำหนัก

ศาลตัดสินคดี 7 นปช.

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 ธ.ค. ที่ห้องพิจารณา 604 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 กทม. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ คดีหมายเลขดำที่ ด.2235/2553 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนายพินิจ จันทร์ณรงค์ อายุ 26 ปี, นายวิศิษฐ์ แก้วหล้า อายุ 33 ปี, นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม อายุ 42 ปี, นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ อายุ 29 ปี, นายพรชัย โลหิตดี อายุ 36 ปี, นายยุทธชัย สีน้อย อายุ 23 ปี และนางเจียม ทองมา อายุ 45 ปี ทั้งหมดเป็นแนวร่วมประชา ธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดต่อเจ้าพนักงาน ปล้นทรัพย์ และฝ่าฝืนพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 

ตามคำฟ้องเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2553 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อ 19 พฤษภาคม 2553 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 7 ร่วมกับจำเลยอีก 2 คนซึ่งเป็นเยาวชน และถูกแยกตัวดำเนินคดีต่างหาก รวมทั้งพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ถูกจับกุม ร่วมกันชุมนุมและมั่วสุมกันที่แยกราชประสงค์ ใช้กำลังทำลายบานกระจก ผนังอาคาร บานกระจกประตูของอาคารสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์จนแตกเสียหาย แล้วร่วมกันลักเอาทรัพย์สินต่างๆ ในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ไปรวม 18 รายการ 

คำฟ้องบรรยายต่อไปว่า จำเลยทั้ง 7 กับพวกมีอาวุธปืนไม่ทราบชนิดขนาดและจำนวนพร้อมเครื่องกระสุนปืนหลายนัด ซึ่งใช้ข่มขู่และขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิตและร่างกาย ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจ สน.ยานนาวา ที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณนั้นพบ เห็นการกระทำของจำเลยทั้ง 7 กับพวกจึงแสดงตนเข้าจับกุม แต่จำเลยทั้ง 7 กับพวกใช้อาวุธปืนยิงในบริเวณอาคารห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์หลายนัด เหตุเกิดที่แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กทม. ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 138, 140, 340, 340 ทวิ 340 ตรี ขอให้ศาลสั่งให้พวกจำเลยคืนของกลางทั้ง 18 รายการ ให้แก่บริษัท ซิตี้เซน (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีชื่อเจ้าของทรัพย์ที่เป็นผู้เสียหาย 

ผิดพรก.ฉุกเฉิน-ยกฟ้องปล้นห้าง

คดีนี้จำเลยทั้ง 7 รับสารภาพข้อหาฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ แต่ให้การปฏิเสธข้อหาอื่นๆ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่าแม้คดีนี้เจ้าพนักงานจะจับกุมจำเลยทั้ง 7 คนได้ในที่เกิดเหตุ ขณะก่อความวุ่นวายแต่ไม่ได้นำสืบให้เห็นว่าจำเลยทั้ง 7 เป็นผู้ใช้อาวุธปล้นทรัพย์ หรือต่อสู้ขัดขวางการทำงานของเจ้าพนักงาน อีกทั้งยังไม่มีทรัพย์สินของกลางที่ยืนยันว่าจำเลยทั้งหมดเป็นผู้กระทำความผิด คงมีเพียงนายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม จำเลยที่ 3 ที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย (รปภ.) ประจำห้างเซ็นทรัลเวิลด์สามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ และแบตเตอรี่ที่ขโมยมาจากร้านขายโทรศัพท์มือถือ 

รอมาร์ค-เทือก - บช.น.จัดเตรียมห้องสำหรับสอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้สั่งการศอฉ. คดี 16 ศพคนเสื้อแดง ซึ่งพนักงานสอบสวนออกหมายเรียกมาให้ปากคำวันนี้



ดังนั้น ลำพังที่เจ้าพนักงานจับกุมจำเลยในที่เกิดเหตุยังไม่สามารถสันนิษฐานให้เป็นโทษกับจำเลยได้ พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 6 และ 7 กระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์และใช้อาวุธต่อสู้เจ้าพนักงาน แม้จะตรวจยึดกระสุนปืนเอ็ม-60 จำนวน 100 นัดได้ภายในห้าง แต่เจ้าพนักงานไม่มีหลักฐานยืนยันว่าอาวุธดังกล่าวเป็นของจำเลย จึงพิพากษาว่าจำเลยที่ 1-7 มีความผิดฐานฝ่าฝืนประกาศข้อกำหนดตามพ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 7 คนละ 1 ปี แต่จำเลยรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยทั้ง 7 ไว้คนละ 6 เดือน นอกจากนี้ จำเลยที่ 3 ยังมีความผิดฐานลักทรัพย์อีกกระทง ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 3 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 3 ไว้ทั้งสิ้นเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน และให้จำเลยคืนของกลางแก่ผู้เสียหายด้วย ส่วนข้อหาอื่นพิพากษายกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับจำเลยที่ 1, 2, 4, 5, 6 และ 7 นั้นขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และทัณฑสถานหญิงกลาง เกินกว่าอัตราโทษที่ถูกศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน จึงจะได้รับการปล่อยตัวต่อไป 

′บช.น.′จัดห้องรอสอบ′มาร์ค-เทือก′

สำหรับความคืบหน้าการที่พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เตรียมสอบ ปากคำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ผอ.ศอฉ. ในคดีเจ้าหน้าที่รัฐอาจสังหารผู้ชุมนุมทางการเมือง 16 ศพ ระหว่างเดือนเม.ย.ถึงพ.ค. ปี 2553 มีรายงาน ว่า บช.น.จัดเตรียมห้องประชุมปารุสกวัน 1 เอาไว้สอบปากคำนายอภิสิทธิ์ตามนัดในวันที่ 2 ธ.ค. เวลา 10.00 น. ตามด้วยนายสุเทพ เวลา 14.00 น. 

รายงานข่าวจากบช.น. เผยด้วยว่า สาเหตุที่ต้องเชิญนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมาให้ปากคำ เพราะในสำนวนคดีการเสียชีวิตบริเวณถนนดินสอ หน้าร.ร.สตรีวิทยาของนายฮิโรยูกิ มูรา โมโตะ ช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่นนั้น อัยการกองคดีอาญาใต้เห็นว่าสำนวนไม่รัดกุมมากพอตามที่ต้องการ จึงให้พนักงานสอบสวนเรียกนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพมาสอบเพิ่ม อีกทั้งผลสอบปากคำทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่ขอคืนพื้นที่วันที่ 10 เม.ย.2553 ซึ่งนายฮิโรยูกิถูกยิงก็ให้การว่าปฏิบัติตามคำสั่งศอฉ.

พท.ดักคอ-อย่าเบี้ยวนัด

วันเดียวกัน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ในวันศุกร์ที่ 2 ธ.ค.2554 ที่นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ จะต้องเดินทางให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่บช.น. อยากถามว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะเดินทางไปให้ปากคำจริงหรือไม่ เพราะทราบมาว่าบุคคลทั้งคู่จะไม่ไปให้ปากคำ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่ากังวลว่าตำรวจ จะถูกกดดันจากรัฐบาลหรือฝ่ายการเมือง หากนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเอง ขอเรียกร้องให้เดินทางไปให้ปากคำด้วย อย่าทำตัวเป็นพวกปากกล้าแต่ขาสั่น

"การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวของนายอภิสิทธิ์ต้องการเบี่ยงประเด็น นายอภิสิทธิ์ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองมาโดยตลอด รวมทั้งยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เสียชีวิตจากเหตุชุมนุมทั้ง 91 ศพ นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์เคยบอกว่าเคารพกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย แต่พอตอนนี้กลายเป็นผู้ถูกกล่าวหากลับไม่เชื่อมั่น ดังนั้น อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ทั้งที่ยังไม่ไปให้ปากคำ" นายพร้อมพงศ์กล่าว

′เต้น′เผยคนเสื้อแดงจับตา

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บช.น. เชิญนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ให้ปากคำคดีชันสูตรพลิกศพ 16 สำนวนที่คาดว่าเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ในเหตุ การณ์เดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ว่า คนเสื้อแดงไม่ตามไปดู แต่จะติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด เพราะ คดีนี้เป็นคดีสำคัญที่หากไม่มีอะไรคลี่คลายคงจะมีปัญหาตามมา ซึ่งประเทศญี่ปุ่นก็ติดตามความคืบหน้าอย่างมีความหวัง ถ้าไม่มีอะไรที่คืบหน้าก็จะเป็นปัญหาได้

นายณัฐวุฒิระบุว่า ตนหวังว่านายอภิสิทธิ์และนายสุเทพจะพูดความจริงและอย่าเล่นลิ้นหรือใช้สำนวน เพราะมีพยานหลักฐานแน่นหนา เชื่อว่าทั้งสองคนจะให้ความร่วมมือเดินทางพบกับพนักงานสอบสวนด้วยตัวเองเหมือนที่ประกาศไว้ในหลายเวทีต่างกรรมต่างวาระว่าพร้อมจะให้ความร่วมมือกับชี้แจงข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง

′มาร์ค′ไม่ได้รับหนังสือบช.น.

ที่ จ.นครศรีธรรมราช นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงกรณีตำรวจนครบาลระบุส่งหนังสือเชิญให้ปาก คำในคดีการเสียชีวิต 16 ศพในเหตุการณ์ชุมนุมช่วงเม.ย.-พ.ค.2553 วันที่ 2 ธ.ค.นี้ว่า ยังไม่ได้รับหนังสือเชิญไปให้ปากคำจากนครบาล จึงไม่ทราบว่าส่งหนังสือไปที่ไหนอย่างไร สอบถามนายสุเทพยังไม่ได้รับหนังสือเช่นกัน โดยวันที่ 2 ธ.ค.ตนมีกำหนดการไป จ.สุโขทัย ยืนยันว่าพวกตนพร้อมให้ความร่วมมือให้ข้อเท็จจริงอยู่แล้ว แต่แปลกใจว่าเรื่องการเชิญไม่เชิญอย่างไรกลายเป็นว่าสื่อบางฉบับกับนักการเมืองบางฝ่ายทราบก่อนเจ้าตัว ซึ่งเป็นเรื่องแปลก และไม่รู้สึกกดดันที่ให้ข่าวว่าตำรวจจัดห้องรอตนและนายสุเทพ เพราะพร้อมให้ความร่วมมือ 

"แต่ผมต้องถามว่าถ้ากระบวนการแจ้งกลายเป็นการแจ้งสื่อกับนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามก่อน กรรมการจะเป็นกลางหรือเปล่า กรรมการต้องมาชี้แจงตรงนี้" นายอภิสิทธิ์กล่าว

ซัดรองนายกฯเหลิมชี้นำคดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าตำรวจอ้างว่าได้รับทราบจากสื่อแล้วการไม่ไปพบตำรวจจะถูกกล่าวหาว่าบิดพลิ้วได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีระบบนี้ และถ้าจะใช้ระบบนี้ตนจะได้ให้การผ่านสื่อบ้าง วันนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือ ไม่ทราบเกิดอะไรขึ้น ต้องถามกรรมการว่าจัดระบบยังไง คิดว่าเป็นกระบวนการทางการเมืองที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าพยายามลากมาเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความคิดนิรโทษกรรม แต่ทุกอย่างต้องทำตรงไปตรงมา พวกตนให้ความร่วมมือเต็มที่ ไม่เคยกดดัน จึงอยากให้ชี้แจงว่าเหตุใดเรื่องนี้รองนายกฯ จึงบอกได้ล่วงหน้าฟันธงเรียบร้อย ทั้งที่ยังไม่มีการไปให้ข้อเท็จจริงเลย ถ้าเจ้าหน้าที่ไม่ทำอย่างตรงไปตรงมาตัวเจ้าหน้าที่จะมีปัญหาเอง เพราะฝ่ายที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมต้องใช้สิทธิ์ด้านอื่น คิดว่าการให้สัมภาษณ์ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ มีลักษณะชี้นำมากขึ้นทุกวัน อยากให้ระวังด้วย

′สุนัย′ยันไม่ได้กล่าวหาผบ.ทบ.

ที่รัฐสภา นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงตอบ โต้กรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ) ให้สัมภาษณ์ถึงการที่ตนจะเดินทางไปศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) ในกรุงเฮกเพื่อฟ้องร้องคดีการสลายการชุมนุมทางการเมืองเมื่อปี 2553 จนมีผู้เสียชีวิต 91 ศพ ว่า กรณีนี้ผบ.ทบ.ไม่ต้องวิตกกังวล เพราะไม่ใช่เรื่องพิเศษอะไร ตนไม่ได้กล่าวหาผบ.ทบ. ถ้าผบ.ทบ.ไม่ได้ทำผิดอะไรไม่ต้องวิตกกังวล

นายสุนัยกล่าวอีกว่า เชื่อว่าเร็ววันนี้นายอภิสิทธิ์น่าจะถูกเรียกไปไต่สวนคดีนี้ ซึ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้เกิดความเป็นธรรมก็มาเข้ากระบวนการจะเลือกเอากระบวนการในประเทศหรือต่างประเทศก็ได้ เรื่องการไปศาลต่างประเทศเป็นการขยายสิทธิ์เพื่อความยุติธรรม ไม่ได้ละเมิดอำนาจศาลไทย ศาลไทยดำเนินกระบวนการต่อไป พรรคประชาธิปัตย์สบายใจได้เราไม่ได้กลั่นแกล้ง

เตรียมบินพบ′ปธ.ศาลอาญาโลก′

เวลา 14.00 น. ที่กระทรวงการต่างประเทศ นายสุนัยให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงเรื่องความคืบหน้าการนำคดีผู้เสียชีวิต 91 ศพของคนเสื้อแดงเข้าสู่กระบวนการศาลไอซีซี หลังการเข้าหารือศึกษาดูงานที่กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีต่างประเทศ เป็นประธาน ว่า เป็นการเดินทางมาตามวาระปกติ แต่เพื่อให้การพบกันมีคุณค่าต่อประชาชนจึงสอบถามเกี่ยวกับขั้นตอนที่ยังติดค้างอยู่เกี่ยวกับการเข้าเป็นภาคีธรรมนูญกรุงโรมของไทย ทราบว่า ไทยลงนามเป็นภาคีแล้ว เมื่อ 2 ต.ค. 2543 ในยุคที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำคณะรัฐบาล มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี แต่พิธีการยังไม่ครบถ้วน กล่าวคือ ไทยยังไม่ได้ให้สัตยาบันต่อธรรมนูญดังกล่าว 

"ผมจะถือโอกาสนี้เดินทางไปเข้าเยี่ยมคารวะประธานศาลไอซีซีที่กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในวันที่ 9 ธ.ค. โดยขอให้ทางกระทรวงการต่างประเทศส่งข้าราชการชั้นผู้ ใหญ่ไปด้วยเพื่อความสบายใจ ยืนยันว่าจะใช้เงินส่วนตัว"

ปัดตอบปรึกษา′ทักษิณ′

ต่อข้อถามว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นมติของคณะกรรมาธิการหรือไม่ นายสุนัยระบุว่า เป็นเสียงส่วนใหญ่จากฝั่งพรรคเพื่อไทยในคณะกรรมาธิการ แต่ยังไม่ใช่มติ ตนจะเดินหน้าไปก่อนแล้วนำข้อมูลมารายงาน ตนคิดว่าในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์เป็นคนเริ่มไว้ หากนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมหรือเป็นการกดดัน ก็เห็นว่าการให้สัตยาบันต่อธรรมนูญกรุงโรมไปสู่ศาลอาญาระหว่างประเทศเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง

"เพื่อนสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ไม่ต้องตก ใจ หากท่านไม่ได้ทำผิดก็ขอให้สบายใจ" นาย สุนัยกล่าว

เมื่อถามต่อว่า เรื่องนี้ได้ปรึกษาพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ และการให้สัตยาบันธรรมนูญกรุงโรมจะส่งผลให้เป็นการเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามฟ้องร้องดำเนินคดีพ.ต.ท.ทักษิณ ในข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ กรณีคดี 2,500 ศพจากการประกาศสงครามกับยาเสพติดตามที่นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา เคยเรียกร้องไว้เมื่อปี 2549 หรือไม่ นายสุนัยกล่าวว่า ถือเป็นกระบวน การยุติธรรมสากล หากใครทำผิดต้องรับโทษ


หน้า 1

No comments:

Post a Comment