Tuesday, November 24, 2009

บทความ: คลั่ง ผู้เขียน: คำ ผกา

บทความ: คลั่ง
ผู้เขียน: คำ ผกา
ที่มา: มติชนสุดสัปดาห์

อ่านคำสัมภาษณ์ของ สุริยะใส ตกะศิลาเรื่องคลั่งชาติดีกว่าขายชาติ แล้วสังเวชเวทนายิ่งนัก
ด้วยพร่ำพูดแต่เรื่องการปกป้องเกียรติภูมิของชาติไทย

ฉันคิดว่า หากสุริยะใสพูดให้น้อยลง อ่านหนังสือให้มากขึ้น หรือหยุดเคลื่อนไหวทางการเมืองสักปีสองปี
ไปอ่านหนังสือหนังหาไปเรียนไปหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ รัฐศาสตร์
แบบพื้นๆเพิ่มเติมเสียบ้าง น่าจะช่วยให้พูดจาฉลาดเฉลียว น่าฟัง สมกับจะเป็นคนรุ่นใหม่กับเขาได้บ้าง

ย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ต้น ฉันอยากจะบอกว่าเกียรติภูมิของชาตินั้นไม่ได้อยู่ที่การกล้า กร้าว แกร่ง
ในเรื่องการข่มขู่หรือเบ่งทับใส่ประเทศเพื่อนบ้าน แต่อยู่ที่ความกินดีอยู่ดี อยู่ที่คุณภาพชีวิตของประชาชน

สิ่งที่ทำลายเกียรติภูมิของชาติคือ...

รายได้เฉลี่ยของประชาชนไทย
อยู่ที่ปริมาณมลพิษในอากาศ
อยู่ที่คุณภาพของรถไฟไทยที่เป็นแอนทีค
อยูที่ระบบการศึกษา สาธารณสุขของคนจนอันห่วยแตก
และอยู่ที่คุณภาพของประชาธิปไตยที่ป่นปี้ไปตั้งแต่ 19 กันยายน พ.ศ.2549
นับแต่วันนั้นเราก็ไม่เหลือเกียรติภูมิใดๆให้ภูมิใจอีกแล้ว
และนับแต่วันที่ คุณสุริยะใส และเพื่อนๆไปยึดสนามบินวายวอด เราก็ไม่ต้องสะกดคำว่า เกียรติภูมิ กันแล้ว

เกียรติภูมิของไทย ไม่ได้อยู่ที่ ฮุน เซ็น แต่อยู่ที่ผลงานของรัฐบาล
และอย่าลืมหน้าที่ของรัฐบาลคือสร้างความผาสุก ความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติ
ไม่ใช่เที่ยวไปสร้างศัตรูกับใครเขาไปทั่ว
นายกฯ อภิสิทธิ์ จงกลับมาปัดกวาดบ้านช่องห้องหอไปขุดมันขุดกลอยมาให้สมาชิกในครอบครัวที่กำลังจะอดตายกิน
ไม่ใช่ว่าบ้านพังหลังคารั่ว ลูกเมียไม่มีจะกินแต่ตัวเองเที่ยวไปท้าตีท้าต่อยกับคนข้างบ้าน

ถ้าคนไทยเป็นเมีย ทักษิณเป็นเหมือนผัวเก่า ประชาธิปัตย์เป็นผัวใหม่ที่ไปแย่งเมียเขามาเป็นเมียตน
(ยืมมือคนอื่นมาแย่งด้วยนะ) สิ่งที่ผัวใหม่อย่างประชาธิปัตย์พึงทำคือเร่งสร้างความดีพิสูจน์ตัวเองให้เมียเห็นความดีความงาม
หากชาตินี้มีบุญได้มีโอกาสเลือกผัวอีกสักรอบจะได้รับมาไว้ในพิจารณา
ไม่ใช่ไปตามล้างตามผลาญผัวเก่าจนไม่เป็นอันทำมาหากิน
แถมพอเพื่อนบ้านยั่วอารมณ์ด้วยการเปิดห้องให้ผัวเก่ามาพักหน่อยเดียวเท่านั้น อีผัวใหม่ก็เต้นโผงเต้นผาง
เผยให้เห็นถึงความไม่มั่นคงทางใจอย่างแรง เสียศักดิ์ศรีชะมัด

เกียรติภูมิของประเทศถ้ามันมี คนอื่นเขาจะเห็นด้วยตัวเขาเอง ไม่ต้องไปป่าวประกาศโฆษณา
คนที่เที่ยวไปป่าวร้องว่าตนมีศักดิ์ศรีอย่างนั้นมีเกียรติภูมิอย่างนี้ แท้จริงคือคนที่ไม่มีอะไรเหลือให้ภูมใจอีกแล้ว
จึงดิ้นรนอยากจะได้รับการยอมรับ และขอร้องเลิกพูดกันเสียทีเรื่อง"ขายชาติ" เพราะมันเชยระยัม

หากเปรียบประเทศไทยเป็นสินค้ามันก็ไม่ใช่สินค้าที่ Attractive
(จริงๆแล้วอยากพูดว่าสภาพยังกะ xxxxx แก่ เอาไปแบขายที่ไหนก็ไม่มีใครอยากซื้อ)
อุดมสมบูรณ์ก็ไม่ใช่ มีบ่อน้ำมันก็ไม่มี มีเหมืองเพชรเหมืองทองก็เปล่า
มีเครื่องเทศมีค่ามีป่าอุดมก็เปล่าทั้งเพ ใครเขาจะซื้อไปทำอะไรเล่าประเทศของคุณสุริยะใสนั่นน่ะ
และท้ายที่สุดประเทศชาติไม่ใช่ผักไม่ใช่ปลาจะได้ซื้อกันง่ายๆขายกันง่ายๆ
ทำยังกะเรามีโฉนดประเทศไทยที่ทักษิณจะเที่ยวไปจำนำจำนองกับใครต่อใครได้อย่างนั้น

ถึงที่สุดคำว่า"ขายชาติ" เป็นสำนวนที่ตกค้างมาจากยุคคลั่งชาติที่มุ่งสร้างสำนึกของความเป็น
"พวกเรา" และ "พวกเขา"
นั่นคือความพยายามที่สร้าง"พวกเรา" ขึ้นมาบนฐานของการประดิษฐ์ "พวกเขา" ขึ้นมาให้เป็นศัตรูของพวกเรา
ปราศจากศัตรูเสียแล้ว สำนึกรักกันของพวกเราจะเป็นเรื่องที่จินตนาการไม่ได้ เรื่องจะไปรบเพื่อชาติ
ตายเพื่อชาติก็นึกไม่ออก วาดภาพไม่ได้อีกเช่นกัน
เราผ่านยุคคลั่งชาติมาแล้ว ประเทศส่วนใหญ่ในโลกใบนี้ก็ล้วนผ่านประสบการณ์อันเจ็บปวดของการคลั่งชาติมาแล้ว
และไม่มีใครอยากกลับไปเริ่มต้นที่ตรงนั้นอีก การปลุกกระแสชาตินิยมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของกลุ่มตน
เป็นพฤติกรรมที่สมควรถูกประนามอย่างยิ่ง

ฉันขอประนามทุกคนที่มีส่วนในการปลุกประเด็นของเขาพระวิหารและเขมรให้กลายเป็นความบาดหมางของสองประเทศ
และหวังว่าคนไทยอย่างเราๆจะไม่ติดกับดักลัทธิคลั่งชาติที่ตกเวทีประวัติศาสตร์ไปนานแล้ว
และขอยืนยันอีกครั้งว่าสินค้าที่เรียกว่า" ชาติ" นั้นไม่มีอยู่จริงนอกจากจะถูกสมมุติขึ้นมาเพื่อให้คนฆ่ากัน

No comments:

Post a Comment