http://www.siamintelligence.com/pansak-reversed-cross/
พันศักดิ์ วิญญรัตน์: ยุทธศาสตร์ Reversed Cross สำหรับประเทศไทยในทศวรรษหน้า
December 10, 2009
ใน งานสัมมนา Thailand in transition: a historic challenge and what’s next? เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2552 ที่โรงแรมเชอราตันแกรนด์ สุขุมวิท โดยมีผู้ร่วมเสวนาคือ ธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ประจำภาควิชาเอเชียตะวันอกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-เมดิสัน, ผาสุก พงษ์ไพจิตร อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และ พล.อ.ชาติชาย ชุณหวัณ และ ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ในบทความนี้จะกล่าวถึงประเด็นของนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เท่านั้น สำหรับรายละเอียดการบรรยายของวิทยากรท่านอื่นๆ สามารถอ่านได้จาก ประชาไท
นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ เปิดช่วงเสวนาของเขาด้วยคลิปวิดีโอช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์แนววิทยาศาสตร์คลาสสิกเรื่อง 2001: A Space Odyssey ซึ่งดัดแปลงจากนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อก้องของอาเธอร์ ซี. คลาร์ค และกำกับโดยผู้กำกับชั้นบรมครู สแตนลีย์ คูบริก
คลิปภาพยนต์ 2001: A Space Odyssey ที่นายพันศักดิ์เปิดในงาน
ช่วงเริ่มต้นของภาพยนตร์จับเอาประวัติศาสตร์โลกในยุคที่มนุษย์ยังเป็น วานร ยังไม่มีอารยธรรม แต่มนุษย์วานรกลุ่มหนึ่งกลับได้พบกับ “แท่งหินสีดำ” ซึ่งเป็นอารยธรรมจากมนุษย์ต่างดาว และความรู้จากแท่งหินนี้ส่งผลให้มนุษย์วานรพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบันได้ในที่สุด
หลังจากเล่นคลิปเสร็จ นายพันศักดิ์ตั้งคำถามกับผู้ฟังว่า “ถ้าเปรียบคนไทยเป็นมนุษย์วานร เมื่อเราเจอ ‘แท่งหินสีดำ’ ซึ่งเป็นบ่อเกิดแห่งความก้าวหน้าเหมือนกับในหนัง เราจะทำอย่างไร?”
ในภาพยนตร์เรื่อง 2001: A Space Odyssey นั้น มนุษยชาติได้พบกับ ‘แท่งหินสีดำ’ จำนวน 3 แท่งในดาวเคราะห์ 3 ดวง คือ แท่งหินสีดำที่โลก ซึ่งช่วยให้มนุษย์ถือกำเนิดขึ้น, แท่งหินชิ้นที่สองที่ค้นพบโดยยานสำรวจดวงจันทร์ และแท่งหินชิ้นสุดท้ายบนดวงจันทร์บริวารของดาวเสาร์ (ดาวพฤหัสในฉบับภาพยนตร์)
พันศักดิ์ได้เปรียบเทียบ ‘โอกาสของประเทศไทย’ ว่ามีจำนวน 3 อย่างเทียบเท่ากับจำนวนของแท่งหินสีดำ
โอกาสอย่างแรกที่เทียบได้กับ ‘แท่งหินบนโลก’ คือ คิดค้นโมเดลทางธุรกิจแบบใหม่ๆ ที่เป็นนวัตกรรม สามารถนำพาประเทศเติบโตได้โดยไม่พึ่งการส่งออกเหมือนอย่างที่เป็นอยู่
แนวคิดนี้นายพันศักดิ์ได้นำเสนอในนโยบาย ‘ดูอัลแทร็ก’ ของรัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเน้นการบริโภคใช้จ่ายภายในประเทศควบคู่ไปกับการส่งออกสินค้าไปยังต่าง ประเทศ
โอกาสอย่างที่สอง เทียบได้กับ ‘แท่งหินบนดวงจันทร์’ นายพันศักดิ์ได้ชูประเด็นของ “value creation” ซึ่งถือเป็นภาพที่ใหญ่กว่าของ creative economy
นายพันศักดิ์ถือได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของแนวคิด creative economy และ “การเพิ่มมูลค่า” ในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยเขาเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการคนแรกของ “ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ” หรือ TCDC เพื่อช่วยสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ผ่านการออกแบบ ก่อนจะลาออกไปในช่วงหลังรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
(หมายเหตุ: อ่านพันศักดิ์ให้สัมภาษณ์เรื่อง creative economy และ value creation ได้จาก ประชาไท สัมภาษณ์พิเศษ “พันศักดิ์ วิญญรัตน์” : คุณทักษิณไปแล้ว What do you do next?)
สำหรับแท่งหินแท่งสุดท้ายบนดวงจันทร์ของดาวเสาร์ นายพันศักดิ์ชี้ว่ามันคือ “จีนและญี่ปุ่น”
โอกาสที่ว่าคืออาเซียนจะกลายเป็นศูนย์กลางการระบายสินค้าจากประเทศจีนและ ญี่ปุ่น ซึ่งจะเป็นมหาอำนาจของเอเชียในทศวรรษหน้า โดยทั้งจีนและญี่ปุ่นกำลังมองถึงการสร้างโครงข่ายการคมนาคมในอาเซียน ซึ่งมีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง
ประเทศจีนนั้นมีโครงการสร้างทางรถไฟจากคุนหมิง ผ่านพม่าและลาวลงมาออกทะเลที่ประเทศไทย เป็นเส้นทางแนวดิ่ง เหนือ-ใต้ ส่วนญี่ปุ่นต้องการสร้างถนนตัดขวางจากเวียดนามไปยังพม่า เพื่อให้สินค้าของญี่ปุ่นลงเรือมาขึ้นฝั่งที่ดานังหรือโฮจิมิห์นซิตี้ แล้วไปออกทะเลฝั่งมหาสมุทรอินเดียที่เมืองทวายของพม่า และส่งขึ้นเรือข้ามไปยังเมืองเชนไนของอินเดียต่อไป
เมื่อลากถนนและทางรถไฟทั้งสองเส้นบนแผนที่ จะได้ภาพ “กางเขนหัวคว่ำ” หรือ reversed cross ซึ่งมีจุดตัดอยู่ที่ภาคกลางของประเทศไทย
นายพันศักดิ์ตั้งคำถามว่า ทางการญี่ปุ่นและจีนมีความตั้งใจในการสร้างเส้นทางทั้งสองนี้สูงมาก ทำอย่างไรประเทศไทยถึงจะใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด เรามีความพร้อมในการเจรจาและเตรียมตัวมากแค่ไหน
นอกจากประเด็นเรื่อง ‘แท่งหินสีดำ’ ทั้งสามแล้ว นายพันศักดิ์ยังพูดถึงความจำเป็นของประเทศไทยในระยะเปลี่ยนผ่าน ว่าปัจจุบันประเทศไทยเปรียบเสมือนบ้านที่โดนไฟไหม้ แต่บนพื้นดินน้ำก็ท่วม และรถดับเพลิงก็ไม่สามารถเข้ามาช่วยดับไฟได้
พันศักดิ์บอกว่าในสายตาของชาวต่างชาติที่เขาคุยด้วย ต้องการให้ประเทศไทยมี “เสถียรภาพทางประชาธิปไตย” ซึ่งกว้างกว่าและครอบคลุมมากกว่า “เสถียรภาพทางการเมือง”
เสถียรภาพทางประชาธิปไตยที่นายพันศักดิ์หมายถึงคือ ทหารยืนยันไม่ทำการรัฐประหาร มีการเลือกตั้งตามปกติ ผลการเลือกตั้งได้รับการยอมรับ และองค์กรต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญทำตามหน้าที่ของตนอย่างเหมาะสม
ข้อมูลเพิ่มเติม: ประวัติของนายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ จาก Thailand Political Base
No comments:
Post a Comment