![]() | « เมื่อ: เมื่อวานนี้ เวลา 07:38:57 pm » | |

"รัฐอำมาตยาธิปไตย" มีกลไกอำนาจรัฐที่แข็งแกร่งใหญ่โตครอบคลุมอยู่แทบจะทุกอาณาบริเวณของประเทศไทย
อาทิ กองทัพ ตำรวจ อัยการ ศาลหนังสือพิมพ์รายวันไม่ตํ่ากว่าสิบฉบับรายสัปดาห์ไม่ตํ่ากว่าห้าฉบับ
โทรทัศน์ฟรีทีวี 6 ช่อง ทีวีดาวเทียม เคเบิ้ลทีวีอีกไม่ตํ่ากว่าหลายสิบ
เจ้า กฎหมายจำนวนนับไม่ถ้วนที่พร้อมจะถูกตีความบังคับใช้ไปในทางที่เอื้อประโยชน์ ต่อระบอบอำมาตย์หรือ ทำตามที่อำมาตย์สั่งการสถานศึกษาตั้งแต่ระดับอุดมศึกษาไปจนถึงอนุบาลศึกษา จำนวนหลายหมื่นแห่ง... กิจการธุรกิจขนาดยักษ์ไม่ตํ่ากว่าหลายสิบแห่งที่พร้อมจะสนับสนุนทางการเงิน ให้เหล่าอำมาตย์รวมทั้ง สองสภาหนึ่งสมาคมทางธุรกิจ
ซึ่งรับใช้ อำมาตย์อย่างออกนอกหน้าปัญญาชนนักวิชาการจำนวนหลายร้อยคน องค์กรเอ็นจีโออีกหลายสิบองค์กร องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญอีกห้าองค์กรแม้แต่ตัวรัฐธรรมนูญ 2550 เอง...ก็เป็นรัฐธรรมนูญอำมาตยาธิปไตยอย่างล่อนจ้อน!ดังนั้น ฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งแทบจะกล่าวได้ว่า...เริ่มต้นจากสองมือเปล่าจากองค์กรไม่ถึงสิบองค์กร ค่อยๆเกิดเป็นรูปองค์กรมากขึ้นในที่สุดจึงก่อรูปเป็น นปก.(แนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ)
ซึ่งก็พัฒนาเป็น แนวร่วม
ประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) แล้วขยายตัวเติบใหญ่มาเป็น นปช.แดงทั้งแผ่นดินในทุกวันนี้หากมองย้อนหลังนับแต่รัฐประหาร19 กันยายน 49 เป็นต้นมา...ต้องนับว่าขบวนประชาธิปไตยเติบโตได้อย่างรวดเร็วมหัศจรรย์และมี ความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทุกวัน ซึ่งแทบจะไม่น่าเชื่อเลยว่า...ภายหลังจากการปราบปรามเข่นฆ่าอย่างบ้าเลือด ของรัฐบาล "อภิสิทธิ์เวชชาชีวะ" เมื่อสงกรานต์เลือด2552 แล้วขบวนการเสื้อแดง ไม่เพียงแต่จะยังคงดำรงอยู่ได้...แต่
กลับขยายตัวอย่างรวดเร็วไปจนเกิดปรากฏการณ์"แดงทั้งแผ่นดิน" อันครึกโครม
แม้ ในทุกวันนี้ก็ยังคงมีปรากฏการณ์ที่ประชาชนเสื้อแดงจัดให้มีการปราศรัย สาธารณะ ที่มีคนเสื้อแดงเข้าร่วมเป็นจำนวนตั้งแต่หลายพันไปจนถึง หลายแสนอยู่ทุกวัน
ในแทบทุกภาคยกเว้นเพียงภาคใต้ของประเทศ!ในขณะเดียวกัน ก็มีการจัดตั้งโรงเรียนผู้ปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินกว่าสิบโรงเรียนไปแล้ว (นี่ไม่นับโรงเรียนที่มวลชนผู้รักประชาธิปไตยจัดกันเอง)
ในขณะนี้ผลิตผู้ปฏิบัติงาน นปช.แดงทั้งแผ่นดินทั้งหมดไม่น่าจะตํ่ากว่าหมื่นคนซึ่งจะลงไปทำงานในพื้นที่ขยายมวลชนเสื้อแดงขึ้นมาอีก
จำนวน มากมายขึ้นในเร็ววันทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้...ไม่เพียงเพราะ"หลักนโยบาย" ทิศทางการเมืองที่ถูกต้องของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินเท่านั้นแต่ยังเป็นการยืนยันให้เห็น"อานุภาพ" อันลํ้าเลิศของการต่อสู้แบบ "สันติวิธี"เพราะท่านผู้อ่านลองคิดสักนิดก็จะเห็นได้ทันทีว่า...หากแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดินเลือกเดินเส้นทางต่อสู้ด้วยความ
รุนแรง หรือใช้กำลังอาวุธขบวนแถวของ นปช.แดงทั้งแผ่นดินจะขยายตัวเติบใหญ่แข็งแกร่งได้จนเท่าทุกวันนี้หรือไม่?คำ ตอบก็คือ...หากใช้เส้นทางต่อสู้ด้วยความรุนแรง นปช.ไม่มีวันที่จะเติบใหญ่จนถึงทุกวันนี้ได้บทเรียนในประวัติศาสตร์การ ต่อสู้ทางการเมืองของประเทศไทยทั้งในอดีต
ที่ผ่านมา 14 ตุลา 16...6 ตุลา 19 และ17 พ.ค. 35 ล้วนยืนยันเป็นอย่างดีว่า...
มีแต่ต้องต่อสู้ด้วยสันติวิธีเท่านั้นจึงจะนำพาประชาชนไปสู่ชัยชนะใหญ่น้อยและเมื่อศัตรูของประชาชน
ประสบความสำเร็จในการใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายประชาชนว่าใช้ความรุนแรงคนเหล่านั้นก็จะใช้อาวุธเข้าปราบปรามการต่อสู้
ของ ประชาชนหรือทำลายดอกผลของการต่อสู้ทั้งหมดที่ได้มาของประชาชนลงไปอย่างสิ้น เชิงเมษาเลือด 52 ก็ยิ่งยืนยันใหญ่เพราะฝ่ายอำมาตย์นั่นเองที่นำเอารถแก๊สไปจอดที่สามเหลี่ยม ดินแดง สร้างกับดักขึ้นที่กระทรวงมหาดไทยล่อเสื้อแดงรวมทั้งที่พัทยาให้เข้าไปฮุบ เหยื่อซึ่งเสื้อแดงเองก็ขาดประสบการณ์ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ทันเกมของอำมาตย์ฮุบ
เหยื่อที่มหาดไทยและที่ พัทยาเข้าเต็มเปาทำให้พวกอำมาตย์ครอบงำ"มติมหาชน" กล่าวหาเสื้อแดงว่า...รุนแรงและใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธสงครามสลายการชุมนุม คนเสื้อแดงอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต เมื่อเป็นเช่นนี้...การต่อสู้กับฝ่ายอำมาตยาธิปไตยนั้นเสื้อแดงจึงต้องเคร่ง ครัดเข้มงวดในเรื่อง "สันติวิธี"ต้องไม่อนุญาตให้มีการกระทำนอกแถวนอกแนวลํ้าเส้นออกไป!ยิ่งใน วันนี้มีการให้ร้ายหรือ"กุข่าว" ที่คนเสื้อแดงเข้าไปมีส่วนพัวพันหรือมีส่วนร่วมในเรื่องของการใช้
ความ รุนแรง...ใช้อาวุธเข้าต่อสู้กับระบอบอำมาตย์...ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลของการ ป้องกันตัวเองหรืออย่างไรก็ตาม จึงเป็นเรื่องที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการก้าวไปข้างหน้าของกลุ่มคนเสื้อ แดง ซึ่งคนเสื้อแดงทั้งหลายต้องปฏิเสธทิศทางการก้าวเดินดังกล่าวอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น...ประชาชนที่รักประชาธิปไตย ทั้งที่ใส่เสื้อแดง และไม่ได้ใส่เสื้อแดงทั้งหลายจึงต้องเข้มงวดอย่างยิ่งในการที่จะไม่สร้าง เงื่อนไขหรือก่อให้เกิด"จุดอ่อน" ในเรื่องที่ฝ่ายอำมาตย์ใช้ในการทำลายการต่อสู้
ของฝ่ายประชาธิปไตยมิ เช่นนั้น...ไม่เพียงแต่ไม่อาจจะก้าวไปข้างหน้าสู่ชัยชนะที่มากยิ่งขึ้น แต่อาจจะกลับเพลี่ยงพลํ้าและถูกปราบปรามเข่นฆ่าอย่างอำมหิตดังเช่น...
ประวัติ ศาสตร์ที่เคยเกิดขึ้นในประเทศพม่า ในประเทศอินโดนีเซีย หรือกระทั่งในกรณีของเทียนอันเหมินของจีนก็เป็นได้"สันติวิธี" เพียงสถานเดียวเท่านั้น...
ที่ทำให้"ประชาธิปไตย" เติบโต...และนำผู้คนไปสู่ชัยชนะ!
น.พ.เหวง โตจิราการ
http://www.bangkok-today.com/node/4394

No comments:
Post a Comment