Monday, March 8, 2010

จดหมายเปิดผนึกถึงสังคมไทย


จดหมายเปิดผนึกถึงสังคมไทย

สนับสนุนการชุมนุมอย่าง สันติวิธี

รัฐต้องหยุดการข่มขู่  ปราบปราม

คืนอำนาจอธิปไตยให้กับ ประชาชนโดยการยุบสภา

 

การชุมนุมของ ประชาชนโดยสันติวิธี เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ความยุติธรรม  ความ เสมอภาค และระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องและก้าวหน้านั้น ถือเป็นสิทธิเสรีภาพอันสมบูรณ์ของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยทั่วโลก ซึ่งผู้ปกครอง ผู้บริหารประเทศและผู้มีอำนาจรัฐ ต้องไม่ใช้อำนาจ         และกลอุบายใดๆในทุกวิธีการหรือทุกรูปแบบ เพื่อทำการลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน หรือเพื่อบิดเบือนทำลายความชอบธรรมของประชาชนที่ชุมนุมกันอย่างสันติและเปิด เผย

          ตราบใดก็ตามที่ ผู้ปกครอง ผู้บริหารประเทศ และผู้มีอำนาจรัฐ  กระทำในทางตรงกันข้าม      โดยการกดขี่ริดรอนสิทธิ เสรีภาพชองประชาชน ให้ถือได้ว่า พวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกเผด็จการ     เป็น พวกอำนาจนิยม และเป็นทรราชย์ต่อแผ่นดิน  แม้ปากของพวกเขาจะ เอ่ยอ้างว่าเป็นนักประชาธิปไตยก็ตาม

          ขณะที่ สื่อมวลชนทั้งของรัฐและเอกชน ที่ปัจจุบันนับวันจะมีอิทธิพลในโลกยุคข่าวสารข้อมูล   มากยิ่ง ขึ้นก็เช่นเดียวกัน ควรต้องทำหน้าที่เสนอข้อมูลข่าวสารข้อเท็จจริง พินิจพิเคราะห์ข้อมูล        อย่างสร้างสรรค์ เสนอข่าวอย่างรอบด้าน และที่สำคัญต้องเปิดโอกาสให้คู่ขัดแย้งได้เสนอข้อมูลและเหตุผลของตนเองผ่าน สื่อมวลชนได้อย่างเต็มที่ ไม่ใช่ด้วยการโน้มเอียง บิดเบือน ปิดบังอำพราง        และ สร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นระหว่างประชาชนในสังคม

ภายใต้ภาวะ วิกฤตการเมืองและความขัดแย้งในสังคมไทยปัจจุบัน การประกาศการชุมนุมเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) อย่างสันติวิธี เปิดเผยและปราศจากอาวุธ      ที่ จะมีขึ้นในช่วงวันที่ 14 มีนาคม 2553 ในครั้งนี้ ก็เช่นกันที่รัฐบาล และสังคมไทยต้องเคารพ           สิทธิเสรีภาพอันสมบูรณ์ของประชาชนโดยแท้จริง

ดังนั้น เรา ผู้มีรายชื่อและองค์กรตามท้ายเอกสารนี้ มีความคิดเห็นและข้อเสนอดังนี้

1.      รัฐบาล ต้องไม่กระทำการข่มขู่ คุกคามต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน เช่น การตั้งด่านสกัด          การจดทะเบียนรถ ฯลฯ และรัฐบาลต้องไม่ใช้ พรบ.ความมั่นคงภายใน  พรบ.สถานการณ์ฉุก เฉิน         รวมทั้งการประกาศใช้กฎอัยการศึก  ซึ่งกฎหมายดังกล่าวสมควรยกเลิกด้วย

2.      รัฐบาล ต้องหยุดการใช้กลอุบายใส่ร้ายป้ายสี สื่อสารกล่าวหาล่วงหน้า และสร้างสถานการณ์บิดเบือนว่า กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการสร้างความรุนแรง เพื่อทำลายความชอบธรรมของการชุมนุมของประชาชน   เช่น การกล่าวหาว่า ผู้ชุมนุมพกพาอาวุธ หรือกล่าวหาว่ามีการขนแรงงานด่างด้าวร่วมชุมนุมด้วย

3.      กอง ทัพทหารซึ่งเป็นสมบัติของประชาชน ต้องไม่ทำร้ายหรือปราบปรามประชาชนผู้ชุมนุม  โดยเด็ดขาด ต้องไม่ก้าวก่ายแทรกแซงกระบวนทางการเมืองอย่างสิ้นเชิง และพึงตระหนักว่า        การยึดอำนาจรัฐประหารจะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต โดยไม่มีการนิรโทษกรรมอีกต่อไป         ทหารผู้ใต้บังคับบัญชามีสิทธิอันชอบธรรมที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง ที่ไม่ชอบธรรมหรือที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบบประชาธิปไตยของประชาชน

4.      สื่อ มวลชน ต้องไม่ตกเป็นเครื่องมือของรัฐที่นิยมเผด็จการ หรือผู้มีอิทธิพลที่มีอุดมการณ์ และการกระทำอันไม่เป็นประชาธิปไตย สื่อมวลชนต้องคำนึงถึงจริยธรรมและจิตวิญญาณของ      ความเป็น สื่อมวลชนในสังคมประชาธิปไตย ที่ต้องสนับสนุนระบบการเมืองแบบประชาธิปไตย       และนำเสนอข่าวต่อประชาชนอย่างรอบด้าน

5.      ทางออก ต่อวิกฤตความขัดแย้งในสังคมการเมืองปัจจุบัน ต้องมีการจัดการเงื่อนไขต่างๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งดังกล่าวในหลาย ประเด็น เช่น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย         เรื่อง ปัญหาความไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม  เรื่องปัญหาสอง มาตรฐานในการใช้กฎหมาย ฯลฯ  ดังนั้น นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ จึงต้องประกาศยุบสภา จัดให้มีการเลือกตั้งใหม่           เพื่อ คืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชนในการตัดสินใจและมีส่วนร่วมในการแก้ไข วิกฤตการณ์ดังกล่าว

6.      ขอ เรียกร้องให้ประชาชนทุกคน เคารพหลักการกติกาประชาธิปไตย ระบบหนึ่งสิทธิหนึ่งเสียงของประชาชนในการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรว่าเป็นหัวใจ ของประชาธิปไตย ระบบรัฐสภาที่อำนาจอธิปไตยมาจากประชาชน มีวาระการเลือกตั้งผู้บริหารประเทศที่แน่นอน ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพตรวจสอบ ถ่วงดุลอำนาจรัฐ และร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตยในสังคมไทยให้ก้าวหน้าสมบูรณ์ยิ่งขึ้น

 

ชมรมผู้รักประชาธิปไตยแห่งรัฐอิลินอยส์ 

(R.E.D.S.)

8 มีนาคม 2553 





--
http://illinoisredshirts.blogspot.com/

1 comment:

  1. hello... hapi blogging... have a nice day! just visiting here....

    ReplyDelete