Tuesday, October 19, 2010

"บก.ลายจุด" แถลงการณ์ "วันอาทิตย์สีแดง 1 ปี 10 ล้านคน" โดยการสวมเสื้อแดง

http://internetfreedom.us/showthread.php?tid=12147
"บก.ลายจุด" แถลงการณ์ "วันอาทิตย์สีแดง 1 ปี 10 ล้านคน" โดยการสวมเสื้อแดง
[Image: 147bw.jpg]

นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม "บก.ลายจุด" ออกแถลงการณ์ "วันอาทิตย์สีแดง 1 ปี 10 ล้านคน" โดยการสวมเสื้อแดงวันอาทิตย์ จะเป็นการย้ำเตือนเจตจำนงในการต่อสู้ และปลุกขวัญพี่น้องที่จมอยู่ในความโศกเศร้าให้ทราบว่าเรายังมีกันและกันทั้ง แผ่นดิน โปรดซักเสื้อแดงของท่านให้พร้อม และหยิบมันออกจากตู้เสื้อผ้าสวมใส่เสื้อแดงด้วยความภาคภูมิใจ ซึ่งมหาประชาชนจะแสดงออกได้อีกแนวทางหนึ่งด้วยการสวมเสื้อแดงพร้อมกันทั้ง ประเทศ และรอวันที่ชัยชนะจะเป็นของประชาชน ณ วันข้างหน้า ทำไมเขาจึงกล้าพูดเช่นนี้ลองอ่านดู

ทำไมจัดกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดง

การจัดกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดงเป็นอารมณ์เดียวกันกับการจัดกิจกรรมเมื่อครั้ง ที่มีการ​ปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) เอาทหารออกมาทำการปฏิวัติรัฐบาล การออกมาของผมเป็นเพราะผมทนไม่ได้ และไม่สามารถมีชีวิตเป็นปรกติสุขได้ในประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง โดยการใช้ร​ัฐประหาร ผมไม่ได้คิดอะไรมาก แต่ในฐานะของพลเมือง ในฐานะของปัจเจกชน ผมต้องทำอะไรบางอย่าง ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไรที่อยู่ในนั้น แต่ผมต้องต่อต้าน ต้องแสดงออก นี่คือสิ่งที่ผมทำ คือร่วมกับเพื่อนที่เป็นนักกิจกรรมทางสังคมออกแถลงการณ์ในวันที่ 20 กันยายน 2549 ด้วยการเปิดเครือข่าย 19 กันยา ต้านรัฐประหาร โดยการเปิดเว็บไซต์และออกต่อต้านทันที เพราะตอนนั้นเว็บถูกปิด ถูกเซ็นเซอร์ตัวเองหมด ผมก็เริ่มดำเนินการตอบโต้ทันที

จากนั้นผมก็ลดบทบาทตัวเองลงหลังจากมีการร่างรัฐธรรมนูญและจัดให้มีการเลือก ตั้ง เพราะผมถือว่าเป็นเกมของฝ่ายการเมือง ผมต้องลดบทบาทลง ซึ่งตอนนั้นผมหายตัวไปเลย จนกระทั่งมีการบาดเจ็บล้มตายของประชาชนเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้ผมต้องกลับมามีบทบาทอีกครั้งในฐานะของคนที่ทนไม่ได้กับการกระทำของฝ่าย กุมอำนาจ​ ซึ่งตรงนี้จะเป็นภาพที่ผมออกมาจัดกิจกรรมอีกครั้งในฐานะของพลเมืองของประเทศ ไทย

เป็นการต่อต้านรัฐบาลหรือไม่

ถ้าจะพูดอย่างนั้นก็ใช่ เพราะผมมองว่ารัฐบาลเป็นทรราช การรัฐประหารหรือรัฐบาลไหนที่เอากำลังไปปราบปราม เอาปืนไปยิงประชาชนข้างถนน ในทรรศนะของผมมันเป็นทรราช เรารับรัฐบาลแบบนี้ไม่ได้ เรารับพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ เรารับพฤติกรรมการเอาอาวุธสงครามมายึดอำนาจไม่ได้ เอาอาวุธสงครามมากดหัวคนที่เห็นต่างทางการเมือง แบบนี้ผมรับไม่ได้

รัฐบาลบอกไม่เคยยิงประชาชน

การออกมาพูดแบบนี้ผมว่าเป็นแค่เทคนิคทางการเมืองเท่านั้น มีใครเชื่อบ้าง เพราะทั้งภาพ ทั้งคลิปวิดีโอมีเป็นจำนวนมาก ทุกคนมีภาพที่มีการใช้กำลังกับประชาชน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องตลกที่ผมกล้าเรียกว่าสังคมนี้เป็น "ตอแหลแลนด์" โดยแท้ ทุกคนรู้ว่ารัฐบาลได้ใช้ปฏิบัติการจริง ยิงคนจริง แต่คนจำนวนหนึ่งพร้อมที่จะตอแหลว่าไม่ได้ทำ ทั้งๆที่มันโจ่งแจ้งจนไม่รู้จะว่าอย่างไร นี่ไม่ใช่การปล้นกันธรรมดา นี่ไม่ใช่การแอบทำกันในที่ลับ แต่มันเป็นการทำในที่รโหฐาน ท่ามกลางมหาชน สื่อมวลชน ประชาชน แต่ว่าคนทำทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ เพราะสังคมนี้ตอแหล เป็นสังคมแห่งการตอแหล

เชื่อว่ามีการสะสมอาวุธหรือไม่

ผมมีข้อสังเกตว่าถ้าคนเสื้อแดงมีอาวุธอย่างที่ฝ่ายรัฐบาลนำเสนอต้องมีการแลก กันพอสมค​วร แต่ถ้าถามว่าเป็นไปได้ไหม ผมว่าเป็นไปได้ที่จะมีอาวุธ แต่สิ่งที่รัฐบาลแถลงออกมา ภาพของการลุยกันแหลกไม่มี ถ้าอาวุธตรงนั้นเป็นของเสื้อแดงก็ตรวจสอบได้ถึงที่มา เพราะอาวุธแต่ละชนิดจะมีซีรี่ส์นัมเบอร์ โดยเฉพาะกระสุน M79 ซึ่งหาที่มาได้ แต่รัฐไม่เคยออกมาพูดเรื่องนี้หรือมีการตรวจสอบเรื่องนี้ จะเห็นได้จากการจับอาร์พีจีรีบออกมาบอกเลยว่าไม่ได้ผลิตจากประเทศไทย ผมถามว่าที่จับได้ในวัดปทุมฯเป็นอาวุธที่ใหม่กิ๊กเลย มันมาจากไหน เพราะเรื่องแบบนี้มีเรื่องราว มีประวัติที่สามารถตรวจสอบได้ว่าผลิตจากที่ไหน เมื่อไร เอาเข้ามาโดยหน่วยงานไหน หรือใครเป็นคนเอาเข้ามา เรื่องแบบนี้สามารถตรวจสอบได้อยู่แล้ว ทำไมรัฐไม่ทำตรงนี้ออกมา

การที่รัฐออกมาบอกว่าคนที่ตายส่วนใหญ่เป็นการยิงกันเองของคนเสื้อแดง คือเป็นการสู้กันแต่หันกลับมายิงกันเองเพื่อให้ตัวเองแพ้ เป็นเรื่องตลก ผมว่าละครเรื่องนี้ไม่เนียน ผมมองว่าอาวุธส่วนหนึ่งน่าจะได้มาจากการปะทะกันที่สี่แยกคอกวัวเมื่อวันที่ 10 เมษายน ซึ่งเป็นอาวุธที่ยึดมา พอมีการปะทะกันก็มีการทิ้งปืนทิ้งอะไรกัน ซึ่งอาจมีการหลุดรอดไปได้ อันนี้ไม่เถียง ผมคิดว่ามีการหลุดไปจริง แต่การหลุดครั้งนั้นเป็นการหลุดเพื่อป้องกัน เพราะส่วนหนึ่งเกิดจากความแค้น แต่ไม่มีการเอาปืนนี้ไปไล่ยิงคนอื่นไปทั่ว เพราะเหตุการณ์เมษาปี 2552 ไม่มีอาวุธจริงๆ ถูกลุยเละเลย มันก็เกิดบทเรียน จึงก่อให้เกิดกองกำลังเพื่อรักษาตนเอง เกิดเป็นแนวป้อมค่าย มีการ์ดคุมแนวตั้งป้อมค่าย มีหน่วยป้องกัน ถ้าเข้ามาก็ยันไว้ หลักการเป็นอย่างนี้ ซึ่งการลุยกลับไปเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมาเป็นการยันเท่านั้น เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นถ้าปล่อยให้ทหารที่อยู่ในซอยหลุดออกมาพี่น้องคน เสื้อแดงจะตา​ยกันอีกเท่าไร ซึ่งการที่คนเสื้อแดงยันได้คือการเซฟชีวิตพี่น้องเสื้อแดงไว้เป็นจำนวนมาก เพราะทหารที่อยู่ตรงนั้นพร้อมที่จะทำอะไรก็ได้

ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ก่อการร้าย

ที่ออกมาบอกว่ามีผู้ก่อการร้ายนั้น รัฐบาลคิดเพียงเพราะต้องการที่จะกลบความผิดพลาดของตัวเองและปัดความรับผิด ชอบต่อเหตุ​การณ์ที่เกิดขึ้น เหมือนที่นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนเหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 35 เล่าให้ฟังว่าเคยเข้าไปพบกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาแล้ว ถามว่าทำไมนายอภิสิทธิ์ไม่ขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอภิสิทธิ์บอกว่าขอโทษไม่ได้เพราะจะทำให้รูปคดีเสีย และการที่รัฐบาลออกมาตอกย้ำคำว่าผู้ก่อการร้ายมาจากสาเหตุว่าถ้าไม่มีผู้ก่อ การร้าย สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นคือความผิดพลาด ดังนั้น จึงมีการสร้างผู้ก่อการร้ายเพื่อสร้างความชอบธรรมในการฆ่า นี่จึงเป็นที่มาของคำว่าผู้ก่อการร้าย เพื่อป้องกันความผิดพลาดของปฏิบัติการที่ทำให้มีคนบาดเจ็บล้มตาย

พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีอำนาจครอบจักรวาล

จะว่าไปก็ไม่ใช่ ถ้าคุณไม่มีเหตุมีผลก็ผิดไม่ว่าจะเป็นในทางไหน แม้แต่ในทางการเมืองก็อยู่ไม่ได้ เพราะการมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินทำให้รัฐบาลมีใบอนุญาตฆ่า กล่าวคือ กองกำลังที่รัฐบาลมีอยู่ อาวุธที่รัฐบาลมีอยู่พร้อมที่จะสลายเสื้อแดงได้ทุกเมื่อ แต่สิ่งที่รัฐบาลรออยู่คือใบอนุญาตฆ่าจากคนชั้นกลาง หลังจากวันที่ 10 เมษายนที่รัฐบาลมีความผิดพลาด ดังนั้น การสลายครั้งที่ 2 ช่วงวันที่ที่ 14-19 พฤษภาคม รัฐบาลใช้เวลานานมากในการขอใบอนุญาตฆ่าจากคนชั้นกลาง เมื่อได้ใบอนุญาตมาก็ดำเนินการทันที แต่ครั้งนี้เป็นการตายอย่างฉิบหายวายป่วงแหลกลาญอุบาทว์ยิ่งกว่าวันที่ 10 เมษายนอีก แต่รอบนี้คนที่ออกใบอนุญาตฆ่าให้ยังเป็นนั่งร้านให้กับรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลได้เดินเกมทางการเมืองควบคู่ไปกับการทหาร ทำให้การกระทำที่ไม่น่าจะทำได้ก็ทำได้ และยังสามารถที่จะดำรงอยู่ต่อได้ นี่คือความเก๋าเกมของรัฐบาล

มองบทบาททหารอย่างไร

เหตุการณ์ที่ผ่านมาผมไม่คิดว่าเป็นการกระทำของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ในขณะนั้น เพราะเท่าที่ทราบ พล.อ.อนุพงษ์เกียร์ว่างทั้ง 2 เหตุการณ์ ที่ผ่านมาบทบาทของ พล.อ.อนุพงษ์อาจไม่ใช่คนที่มีภาพลักษณ์ที่ดีของทุกฝ่าย แต่นั่นคือสิ่งที่ พล.อ.อนุพงษ์ทำได้ดีที่สุด ผมเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ถ้าไม่เข้าสู่การเมืองหลังจากนี้จะเป็นตัวละครที่น่าจดจำ ดังนั้น ผมเชื่อว่าปฏิบัติการที่เกิดขึ้นเป็นปฏิบัติการทางทหารของคนที่ทำจริงๆคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบัน โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์เป็นคนที่มีความประนีประนอมมากกว่า ไม่น่าจะกระทำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการติดตามที่ผ่านมาผมไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นทหารของรัฐบาล

มองคนเสื้อแดงอย่างไร

คนเสื้อแดงเป็นกลุ่มคนที่รู้สึกไม่พอใจต่อมาตรฐานทางการเมืองและเรียกร้อง ให้เกิดสิ่​งที่เรียกว่า "ประชาธิปไตย" สำหรับทุกคนคำว่าประชาธิปไตยคือคนส่วนหนึ่งคิดว่ามีแล้ว เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจ สำหรับคนชั้นกลางขึ้นไปรู้สึกว่าตัวเองไม่มีปัญหาเพราะมีอำนาจ เขาได้รับความพอใจ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมคนชั้นล่างถึงไม่พอใจ ปัญหามีอยู่ว่าเขานิยามคำว่าประชาธิปไตยเป็นเฉพาะคนของเขา และไม่เคยมองว่าทำไมคนชั้นล่างต้องออกมาเรียกร้อง เพราะประชาธิปไตยในความคิดของคนเหล่านี้คือไม่ใช่ของคนทุกคน เขาไม่เคยรู้สึกว่าประชาธิปไตยเป็นของคนทุกคน เมื่อไรที่ประชาธิปไตยเป็นของคนทุกคนจะเกิดปัญหา ทั้งๆที่ความเป็นจริงน่าจะเป็นนิยามเดียวกัน คือทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน นี่คือสิ่งที่คนเสื้อแดงกำลังทำ กำลังพยายามที่จะสร้างขึ้นมา

ประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงคืออะไร

นิยามคำว่าประชาธิปไตยของคนเสื้อแดงคือให้เห็นหัวคนอย่างพวกเขาด้วย ตอนนี้มันดูไม่เห็นหัวคนอย่างพวกเขา มีแต่ยิงหัว ไม่เห็นหัว ไม่มีสิทธิมีเสียง เป็นเหมือนพลเมืองชั้นสอง คือคุณมีการเลือกตั้งอะไรก็ตามแต่ไม่เห็นหัวคนที่เป็นเจ้าของอำนาจตามรัฐ ธรรมนูญนั้น​เป็นไปไม่ได้

คนเสื้อแดงถูกมองว่าเป็นอะไร

สิ่งที่เห็นและกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้คือ รัฐบาลกำลังผลักคนเสื้อแดงให้เป็น "กบฏ" เป็นเรื่องแปลกมากที่คนเสื้อแดงถูกกระทำย่ำยี ถูกใส่ร้ายต่างๆนานา และสุดท้ายถูกผลักไปในทิศทางนั้น ทั้งๆที่เมื่อก่อนนั้นคนเสื้อแดงเป็นพวกรักในหลวง ห่วงทักษิณ แรกเริ่มมาจากจุดนี้ พอไปเขียนว่าเสื้อแดงเป็นโน่นเป็นนี่ เป็นคนไม่ดี ผมมองว่านี่เป็นการผลักให้เป็นในสิ่งนั้น การที่รัฐบาล ผู้นำรัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาพูดทุกวัน บอกว่าเขาเป็นผู้ก่อการร้าย ผมว่าเขาไม่ใช่ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตถ้ายังเป็นอย่างนี้ผมว่าเป็นไปได้นะ ซึ่งในขณะนี้นักวิชาการด้านสิทธิมนุษยชนกังวลในเรื่องนี้มาก บอกว่าอันตรายมาก คือกำลังผลักให้คนเหล่านี้ไปเป็นสิ่งที่รัฐบาลเขียนบทให้ เพราะเขากำลังได้รับความรู้สึกอย่างนั้นจากรัฐบาลที่กระทำกับเขาเหมือนไม่ ใช่คนไทย

เสื้อแดงต้องเป็นแบบไหน

คือเป็นคนที่ออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยเท่านั้น ไม่มีการออกนอกกรอบที่เราร่วมกันทำมา ด้วยการแสดงพลังในรูปแบบที่เป็นสัญลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นการผูกผ้าแดง จุดเทียนสีแดง เราใช้วิธีการที่ไม่สร้างความเดือดร้อน เป็นรูปแบบที่น่าจะพอยอมรับได้จากกลุ่มคนหลายกลุ่ม และอยู่ภายใต้กรอบแห่งความชอบธรรม ซึ่งผมคิดว่าที่ผ่านมาผมได้รับโอกาสจากสังคมมากมายมหาศาล

ถูกโจมตีบ้างหรือไม่

ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะออกมาดิสเครดิตตัวผม ซึ่งผมมองว่าเป็นเกมการเมืองของกลุ่มที่อยู่ฝั่งตรงข้ามที่ไม่ยอมให้ อีกกลุ่มก้าวขึ้​นมามีบทบาทออกมาจากบทที่เขาเขียนอยู่ ดังนั้น การทำลายล้างอีกฝ่ายจึงเกิดขึ้น ทั้งๆที่ความจริงตอนแรกเขาอาจรำคาญผมนิดหน่อย ไอ้นี่ไม่หยุดก็จับซะหน่อย ซึ่งที่ผ่านมาผมก็ได้รับโอกาสนั้นแล้ว คือการจับผมไปอยู่ในคุก 14 วัน นอกจากนั้นก็มีการขโมยป้ายแยกราชประสงค์ ซึ่งผมว่ามันเป็นสุดยอดของการทำงานของฝ่ายรัฐบาลเลยจริงๆ ส่งผลให้การต่อสู้ในเชิงสัญลักษณ์มีความหมายขึ้น โดยมีคนเข้ามาร่วมมากขึ้น เพื่อเข้ามาดูผมสู้กับยักษ์ ผมเป็นเพียงประชาชนคนหนึ่งที่หาญกล้าต่อสู้กับรัฐบาลและกำลังทหารจำนวนมาก ซึ่งไม่น่าจะสู้กันได้ คนก็เลยมาเชียร์ ซึ่งที่ผ่านมาผมสู้อยู่บนกรอบของประชาธิปไตย

สนิทกับ พ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่

ผมยืนยันได้ว่าผมไม่เคยพบ ไม่เคยคุย ไม่เคยอีเมล์หากัน ไม่ว่าช่องทางไหนก็ไม่เคย ที่ผ่านมามีคนพยายามดิสเครดิตผมตั้งแต่ 19 กันยาแล้วว่าผมรับเงินเครือข่าย พ.ต.ท.ทักษิณมาก่อน ซึ่งที่ผ่านมาคนที่กล่าวหาผมก็พยายามจะค้นหา แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ ผมว่าถ้ามีสักเรื่องผมคงตายไปแล้ว ขนาดการบริจาคเงินให้กับมูลนิธิกระจกเงาก็หาไม่เจอ ซึ่งเป็นการกล่าวหาที่ทุเรศมากที่สุด ที่ผ่านมาผมไม่เคยทำอะไรในรูปแบบนั้น เพราะต้องไม่ลืมว่าผมเป็นเพียงประชาชนที่ตื่นตัวทางการเมืองเท่านั้น ที่ผ่านมานายคำนูณ สิทธิสมาน สว.กทม. เคยพูดในรายการเอเอสทีวีว่า คนอย่างผมไม่ใช่คนที่จะเอาเงินมาฟาดหัวได้ การทำงานที่ผ่านมาผมถูกกล่าวหาต่างๆนานา จนถึงวันนี้ผมเดินกิจกรรมการทำงานของผมทั้งที่ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรมากนัก แต่มีใจในการทำงานเพื่อมวลชน และให้มวลชนเข้ามามีส่วนร่วมมากที่สุด คือทุกคนเป็นเจ้าภาพร่วมกัน มีเป้าหมายชัดเจนว่ามาร่วมกันทำอะไร

การเมืองปัจจุบันเป็นอย่างไร

การเมืองในความคิดของผม มุมมองของผมคือการเมืองแปลว่าการจัดสรรทรัพยากรและผลประโยชน์ที่ลงตัว ซึ่งการเมืองในขณะนี้มันซ้อนกัน 3 เวอร์ชั่นด้วยกัน อันที่หนึ่งคือ อำมาตย์ 1.0 พวกนี้มีความคิดที่เราเรียกกันว่าพวกอีลิต มีความคิดแบบจารีต คิดว่าจะให้คนชั้นล่างหรือพวกตาสีตาสามาปกครองประเทศไม่ได้ มันยังฝังรากลึกอยู่ จะปล่อยให้สิ่งที่ต่างจากความคิดเขาเกิดขึ้นไม่ได้ คนที่พูดเรื่องนี้มากที่สุดและบ่อยที่สุดก็คือ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เวอร์ชั่นนี้เป็นการปกครองที่มีคุณธรรม แต่มีข้อจำกัด จึงเป็นบ่อเกิดของคำว่านักการเมือง 2.0 คือนักการเมืองที่มีความรู้ มีความคล่องตัว เรียนจบจากต่างประเทศ หัวก้าวหน้า และเดินหน้าในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ ต่างจากพวกอำมาตย์ 1.0 ที่นิยมการเล่นพรรคเล่นพวก แต่นักการเมือง 2.0 ใหม่กว่า และฟังประชาชน ที่สำคัญคือไม่ใช่ว่าอำมาตย์ไม่โกงนะ

ต่อมาคือการพัฒนาที่เรียกว่าประชาชน 3.0 คืออำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน โดยมาจากแนวคิดที่ว่าประชาชนคือเจ้าของอำนาจที่แท้จริง อยากให้รัฐบาลเป็นรัฐบาลของประชาชน อยากให้นักการเมืองเป็นของประชาชน และข้าราชการที่จะเห็นประชาชนเป็นใหญ่เสียที เขาไม่อยากให้ใครมารังแก ไม่เอาเปรียบเขา และที่สำคัญคือความเสมอภาค ซึ่งขณะนี้การเมืองเป็นภาพ 3 ภาพนี้ซ้อนกันจนวุ่นวาย

คนเสื้อแดงก้าวข้ามทักษิณหรือยัง

ผมว่าก้าวข้ามมานานแล้ว คือต้องยอมรับว่ากลุ่มคนเสื้อแดงส่วนหนึ่งเป็นพวกที่มาจากคนที่โปรทักษิณมา ก่อน ซึ่งมีเหตุมีผลของมันมานานแล้ว และบางส่วนที่ออกมาคือเห็นถึงความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งคนกลุ่มคนนี้เพิ่มมากขึ้นเพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นสะท้อนให้ เห็นถึงการ​กระทำของรัฐบาลที่มีกับคนเสื้อแดง และยิ่งนานวันจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่

อันนี้เป็นเรื่องของรัฐบาล เพราะการที่ผมทำกิจกรรมวันอาทิตย์สีแดงไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องการล้มรัฐบาล ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลย เพียงแต่เป็นการแสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเป็นต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เท่านั้น ดังนั้น หลังจากนี้นายอภิสิทธิ์จะมีอายุรัฐบาลอีกเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งแบบนี้ผมคิดว่าเป็นความยุติธรรมที่เกิดขึ้น เพราะเมื่อเขาได้รับโอกาสในการทำงานให้กับประชาชนท่ามกลางความขัดแย้งทาง สังคมที่เกิ​ดขึ้นแล้วก็ขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ว่าจะทำได้แค่ไหน แต่ในทางกลับกันในระยะเวลา 1 ปีข้างหน้าหากนายอภิสิทธิ์ทำไม่ได้ฉิบหายแน่ หรือทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นไม่ได้ผมว่าบ้านเมืองเกิดความวุ่นวายแน่ ซึ่งถ้าถามผม ผมบอกได้เลยว่าอยากให้นายอภิสิทธิ์อยู่ครบ แต่การจะอยู่ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์เองว่าจะมีความสามารถมาก น้อยแค่ไห​น

มอง ผบ.ทบ.คนใหม่อย่างไร

เป็นคนที่มีความเหี้ยมมาก ผมมองว่าเขาเป็นคนประเภทเดียวกับ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตร อดีต คมช. ซึ่งเป็นพวกดุดันเหมือนกัน ดูจากผลงานที่ผ่านมา ผบ.ทบ. คนนี้เป็นคนที่ดุดันมาก จากท่าทางบุคลิกนั้นผมมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนใหม่ เป็นคนที่มีความก้าวร้าวมากคนหนึ่งใน ผบ.ทบ. ที่ผ่านมาหลายสิบคน

------------dailyworld
http://www.dailyworldtoday.com/newsblank...ws_id=8325

No comments:

Post a Comment