แต่ต้องมี "คนตี" ถึงจะดัง
ในทางการเมือง พรรคการเมืองใดจะคุยว่าได้ส.ส.กี่ที่นั่ง จะชนะการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
คุยอย่างไรก็ได้
แต่สัญญาณที่จะบอกว่าพรรคใดเสียงดีจริงๆ ไม่ใช่สำนักวิจัยต่างๆ ไม่ใช่นักวิชาการ แต่เป็น "คู่แข่ง" ในแต่ละพื้นที่
และช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ปฏิกิริยาของแต่ละพรรคเริ่มชัดเจนขึ้นว่ากระแสของพรรคเพื่อไทยแรงจริงๆ
"บรรหาร ศิลปอาชา" ตัวจริง-เสียงจริง ของ "ชาติไทยพัฒนา" ออกมาอัดพรรคประชาธิปัตย์อย่างหนักเรื่องไม่ยอมทำตามสัญญาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทั้งที่เคยสัญญาไว้ตอนทาบทามเข้าร่วมรัฐบาล
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "บรรหาร" แค้นที่สุด และเลือกระบายออกมาในช่วงเลือกตั้ง
ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่ "อำนาจต่อรอง" ของเขาสูงที่สุด
การเล่นงาน "อภิสิทธิ์" ตรงๆครั้งนี้ ด้านหนึ่ง เหมือนกับการระบายแค้น
แต่อีกด้านหนึ่ง คือ การเปิดทางถอยให้กับพรรคชาติไทยพัฒนา
เพื่อสร้างความชอบธรรมในการเข้าร่วมรัฐบาลกับ "เพื่อไทย"
ในขณะที่ "สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" ตัวจริงเสียงจริงของพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินก็ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการเมืองหลังเลือกตั้ง
และถ้าฟังน้ำเสียงดีๆจะพบว่าเอนเอียงมาทาง "เพื่อไทย"
แต่สัญญาณที่ชัดยิ่งกว่าชัด ก็คือ เสียงจาก "คู่ปรับ" คนสำคัญของพรรคเพื่อไทยในสนามอีสาน
"ภูมิใจไทย"
"เนวิน ชิดชอบ" ครูใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย เริ่มออกโรงคนแรกด้วยการทำนายว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งได้ส.ส. 210 คน
และ "ประชาธิปัตย์" ได้แค่ 160 คน
ขนาด "พรรค" ที่สนิทที่สุดยังยอมรับว่า "เพื่อไทย" ชนะเลือกตั้ง
ห่างกันถึง 50 เสียง
แม้เป้าหมายจะต้องการชิงพื้นที่ข่าวและแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของพรรคขนาดกลาง แต่การ "ยกธงขาว" แทนเพื่อนดังกล่าว เป็น "คำตอบ" ที่ดีว่า "เพื่อไทย" แรงมาก
และย้ำ "ความแรง" ของ "เพื่อไทย" อีกครั้งด้วยการแบะท่าพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลกับ "เพื่อไทย" ของ "โสภณ ซารัมย์" และ "ภิรมย์ พลวิเศษ" บนเวทีหาเสียง
"โสภณ" คนสนิทของ "เนวิน" ยอมรับตรงๆว่าหลังการยุบสภา ทุกพรรคการเมืองก็เป็นอิสระ หลังการเลือกตั้งไม่ว่าพรรคเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
"ภูมิใจไทยก็จะขอเป็นรัฐบาล เพราะต้องการนำนโยบายของพรรคไปปฏิบัติ"
ในขณะที่ "ภิรมย์" แรงยิ่งกว่า เขาประกาศบนเวทีว่า "ภูมิใจไทย" มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่เป็นฝ่ายค้าน และขอฉันทามติจากประชาชนที่ฟังการปราศรัยว่าต้องการให้ "ประชาธิปัตย์" หรือ "เพื่อไทย" จัดตั้งรัฐบาล
เมื่อเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนพรรคเพื่อไทย นายภิรมย์ก็ประกาศเลยว่าจะนำเรื่องไปเสนอ "เนวิน ชิดชอบ"
ในทางการเมือง นี่คือ "ยุทธวิธี" หาเสียงเลือกตั้งของ "เนวิน"
เป็นกลยุทธ์เก่าที่พรรคเพื่อแผ่นดินเคยใช้เมื่อการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
"เพื่อแผ่นดิน" ใช้กลยุทธ์ไม่เป็นศัตรูกับ "ทักษิณ" เพราะรู้ว่ากระแส "ทักษิณ" แรงมาก
ครั้งนั้น พรรคพลังประชาชนเพิ่งตั้งขึ้นใหม่ คนอีสานส่วนใหญ่ยังไม่คุ้นเคย
"เพื่อแผ่นดิน" จึงอาศัยช่องว่างดังกล่าวแทรกเข้ามา
ในพื้นที่ ผู้สมัครส.ส.จะบอกกับชาวบ้านว่าเขาจะเอา "ทักษิณ" กลับบ้าน ใช้กลยุทธ์อิงกับกระแส "ทักษิณ" แทนที่จะเป็น "ศัตรู"
ตอนนั้น "เนวิน" อยู่พลังประชาชน และต้องต่อสู้กับยุทธวิธีอิงกระแสดังกล่าว
ครั้งนี้เขาจึงนำบทเรียนดังกล่าวมาปรับใช้เพื่อสู้กับกระแส "ทักษิณ"
"ภูมิใจไทย" นั้นเริ่มปั่นป่วนตั้งแต่เสียงระฆังเลือกตั้งดังขึ้น เพราะผู้สมัครส.ส.ที่สัญญาว่าจะ "มา" ก็ "ไม่มา"
ในขณะที่โพลของพรรคก็ทำเอาทีมงานใจเสีย เพราะกระแสในพื้นที่แย่กว่าที่คิด
การยืนปักหลักสู้กับกระแส "ทักษิณ" และ "เพื่อไทย" ในช่วงต้น ยิ่งทำให้ผู้สมัครส.ส.ในพื้นที่ย่ำแย่
เสียงสะท้อนในพื้นที่ทำให้ "เนวิน" ต้องปรับแผนใหม่
แทนที่จะยืนยันว่าจะเข้าร่วมกับ "ประชาธิปัตย์" แบบตายเป็นตายเหมือนเดิม
เขาก็ปรับแผนใหม่แบบ180 องศา
ส.ส.ในพื้นที่ประกาศจุดยืนของพรรคอย่างชัดเจนว่าพร้อมเข้าร่วมรัฐบาลกับ "เพื่อไทย"
เป็นยุทธวิธีที่ "เพื่อไทย" ต้องงุนงง
เพราะ "ภูมิใจไทย" ไม่เคยถาม "เพื่อไทย" เลยว่าพร้อมจะจับมือด้วยหรือไม่
ไม่มีใครรู้ว่ากลยุทธ์ดังกล่าวเป็นเพียงยุทธวิธีเอาตัวรอดในสนามเลือกตั้ง
หรือจริงๆแล้วเป็นการเปลี่ยนแนวทางของ "ภูมิใจไทย"
แต่ที่แน่ๆ สัญญาณล่าสุดจากพื้นที่ครั้งนี้ของ "ภูมิใจไทย" แสดงให้เห็นว่า...
..."เพื่อไทย" แรงจริงๆ
No comments:
Post a Comment