ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ท้า อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ... คุณกล้าไหม ??
วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 14:45:00 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
กล้าไหมคุณอภิสิทธิ์..ภาษี ที่ดิน มรดก ตัดเนื้อพวกพ้อง เติมเลือดคนจน หรืออนาคตการเมืองคุณหมดไปแล้ว!!!
เจาะใจ เอก -ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นักธุรกิจรุ่นใหม่ แห่งกลุ่มไทยซัมมิท ประกาศท้าทาย นายกฯอภิสิทธิ์ กล้าไหม ?
"ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ " รองประธานกรรมการบริหาร กลุ่มบริษัทไทยซัมมิท เป็นนายทุนที่อยู่คนละขั้วกับ กลุ่มทุนเก่า ธนาธร จบวิศวะ ธรรมศาสตร์ เป็นคนหนุ่มหัวก้าวหน้า เรียนปริญญาโทเศรษฐศาสตร์การเมือง จุฬาฯ กับ ดร. ณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ
ธนาธร เป็นหลานของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ คนบ้านเลขที่ 111 แต่เป็นน้ากับหลานที่ไม่ค่อยคุยกัน
ในช่วงเสื้อแดง ชุมนุมยืดเยื้อบนราชดำเนิน มีคนเห็น"เอก"ไปสังเกตการณ์ สูบบุหรี่ ซากุระ แบบมวนต่อมวน
ธนาธร มีแม่ชื่อ"สมพร " เธอเป็นผู้ถือหุ้น ใหญ่ใน เดอะเนชั่น แต่ ลูกชาย ลั่นว่า ไม่ชอบ กรุงเทพธุรกิจ ชอบอ่าน มติชน มากกว่า เพราะมติชน เสนอข่าวทุกสี เท่าเทียมกัน...แฟร์ที่สุด
" ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ มุมมองของคนหนุ่ม ผู้มีโฉมหน้าหนึ่งเป็นนักธุรกิจหัวก้าวหน้า ขณะที่อีกโฉมหน้าหนึ่งคือ นายทุนที่บริหารธุรกิจมูลค่านับหมื่นล้าน
--------------------------------------------------------------------------------------
@สถานการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงในเวลานี้ ที่สุดแล้วอาจจะพ่ายแพ้ แล้วสังคมไทยจะไม่ได้อะไรเลยรึเปล่า
ถ้าพูดว่าไม่ได้อะไรเลยก็อาจจะประเมินความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงต่ำไป หน่อย ไม่ว่าผลของหนึ่งอาทิตย์ นับตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้วจนถึงวันเสาร์นี้จะเป็นยังไง ผมว่า สังคมไทยได้เดินมาสู่ระยะเปลี่ยนผ่านซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มันไปไกลกว่าที่จะกลับไปตอน 19 กันยายน ผมไม่คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะย้อนกลับไปสู่จุดเดิม
@ทั้งหมดเป็นเพราะทักษิณใช่ไหม
สิ่งหนึ่งที่ต้องขอบคุณทักษิณคือ คำว่าหนึ่งสิทธิ์หนึ่งเสียงทางการเมืองมันกินได้จริงๆ สามารถสร้างความแตกต่างได้ และผมคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ประชาชนโดยเฉพาะคนต่างจังหวัดเข้าใจแล้วว่าการมีสิทธิ์ทางการเมือง มันเป็นยังไง แล้วก็จะไม่ยอมให้สิทธิ์ของตัวเองเลือนหายไป ถ้าได้ลองไปฟังการปราศรัยของคนเสื้อแดง เราจะเห็นข้อเสนอที่ก้าวหน้ากว่าคนเสื้อเหลืองมาก โอเคว่า ในครั้งนี้ อาจจะต้องกลับบ้านมือเปล่า อาจจะพ่ายแพ้หมดรูป ยิ่งถ้าพ่ายแพ้คราวนี้เสียกระบวนด้วย เพราะคราวต่อไปจะเรียกชุมนุมใหญ่อย่างนี้ก็ยากแล้ว
@หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้?
ครับ ใน 1 อาทิตย์นี้มีการเดิมพันสูงมาก ยิ่งถ้ากลับบ้านมือเปล่าก็เกม แต่ถ้าถามว่า อุดมการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นมาในรอบ 3 ปี หายไปด้วยไหม ผมคิดว่าไม่ การต่อสู้เพื่อสร้างประชาธปไตยในสังคมไทยไม่ได้หยุดอยู่แค่อาทิตย์นี้ ผมคิดว่ามันเป็นเกมยาวที่จะต้องผลักดัน แล้วก็ขับเคลื่อนต่อไป
@คุณธนาธรคาดว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
ปัญหาของคนเสื้อแดงคือมีบ่วงค้ำคอตัวเอง เพราะไปด่าเสื้อเหลืองไว้มาก เรื่องปิดสนามบิน เรื่องยึดทำเนียบ ทำให้ไปยึดทำเนียบ ยึดสนามบินไม่ได้ ก็ไม่สามารถยกระดับแรงกดดัน จากเดิมก่อนหน้านี้ ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์เครียดพอสมควร ถ้าประเมินแบบแฟร์ๆ นะ ผมว่าแสนห้าถึงสองแสน ตัวเลขนี้เป็นใครก็สั่น แต่เสื้อแดงกลับไม่สามารถยกระดับการกดดันที่แรงกว่านี้ได้ เลยทำให้รัฐบาลสบาย คือถ้ายกระดับแรงกดดันไม่ได้ก็คงต้องกลับบ้านมือเปล่า แต่อย่างที่บอก กลับบ้านมือเปล่าไม่ได้หมายความว่าจะจบลง
@เสียงภาคประชาชนตอนนี้ปรากฏว่า คนกรุงเทพฯ ไม่แฮปปี้กับคนต่างจังหวัดเท่าไรนัก
ประเด็นนี้ถือว่าสนุกมาก ในวันนี้ต้องบอกว่า มีชนชั้นเดียวในประเทศไทยที่ยังรู้สึกว่า คนเสื้อแดงต่อสู้เพื่อทักษิณ คือชนชั้นกลางในเมือง ชนชั้นล่าง ชนชั้นบนรู้กันหมดแล้ว มีอะไรมากกว่านั้นมาก ไม่ใช่เรื่องการกลับมาของทักษิณ ไม่ใช่เรื่องกี่หมื่นล้านที่ถูกยึดไป ที่มากกว่านั้นคือโฉมหน้าของประชาธิปไตยไทยว่าจะไปต่อยังไง คนชั้นล่างเข้าใจ ข้างบนก็เข้าใจ คนชั้นเดียวที่ไม่เข้าใจคือชนชั้นกลางในเมืองที่มองแต่ว่าเสื้อแดงคือคนที่ ถูกจ้างมา ซื้อโดยทักษิณ ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของทักษิณ
@คุณกำลังจะบอกว่า การเมืองไทยกำลังจะพลิกโฉมอีกครั้ง?
แน่นอน อยู่อย่างนี้ไม่ได้ ผมคิดว่า การที่คนชั้นกลางมองคนเสื้อแดงว่าเป็น คนโง่ เป็นการประเมินความเป็นคนของคนต่ำไปหน่อย คนเรารู้ว่าอะไรที่ทำไปแล้วจะมีผลประโยชน์กับตัวเองมากที่คิด คือเขาอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดว่า ทักษิณกับสิทธิ์ในฐานะมนุษย์ของเขานั้นเชื่อมโยงกันยังไง แต่การเลือกทักษิณแล้วเขามีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี พูดอย่างนี้มันสะท้อนอะไรบางอย่าง ต่อให้เขาจะอธิบายไม่ได้ว่าทำไม สิทธิ์การเลือกผู้นำมันเป็นสิทธิ์ของมนุษย์ทุกคน
@เห็นด้วยกัย อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ไหมว่า ทักษิณได้ตายทางการเมืองไปแล้ว หลังคำพิพากษาคดียึดทรัพย์
โดยหลักการเห็นด้วยนะ แต่ถ้าบอกว่าทักษิณไม่มีอิทธิพลกับคนเสื้อแดงเป็นไปไม่ได้ ยังมีอยู่ค่อนข้างสูง
@ในเวลานี้กลายเป็นว่า นักวิชาการยังเสียงแตก บ้างว่ายุบ บ้างยุบไปก็ไม่ได้อะไร คุณคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้
ผมคิดว่าปัญหาการยุบสภานี่ตกไปเลย ยุบสภามีทางเดียวคือนองเลือด และผมคิดว่าปัญหาเรื่องยุบไม่ยุบ ได้เลย คุณอภิสิทธิ์ไปแล้ว ปัญหาอยู่ที่บ้านสี่เสา คนที่จะขอว่ายุบหรือไม่ ไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ แม้แต่การตัดสินใจเอาทหารออกมายิงไม่ยิง ถ้าเสื้อแดงลุยเนี่ย ผมไม่คิดว่าการตัดสินใจตรงนั้นเป็นของอภิสิทธิ์
@แล้วทางออกของปัญหาในเวลานี้ มีแสงส่ว่างไหม
ถ้าพูดกันแบบประชาธิปไตยเลย คือยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่ด้วยสถานการณ์การเมืองอย่างนี้ ชนชั้นนำไม่สามารถปล่อยให้พรรคเพื่อไทยกลับมาได้ ในช่วงที่มันเปลี่ยนผ่านอย่างนี้
@ถ้านายกฯ อภิสิทธิ์เลือกเปลี่ยนนโยบายมามุ่งแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ จะเป็นจุดเปลี่ยนได้ไหม
เวลาดูสื่อ มักจะเจอว่า สามัคคีกันเถอะ สมานฉันท์กัน แต่ปัญหาก็คือ มันไม่มีคำว่าสมานฉันท์ในสังคมที่ไม่มีความยุติธรรม ความสามัคคีได้เลย คุณปฏิบัติต่อคนกลุ่มหนึ่งแบบหนึ่ง ขณะที่คุณปฏิบัติต่อคนอีกกลุ่มหนึ่งแบบหนึ่ง แล้วคุณบอกว่าคนสองกลุ่มนี้สามัคคีกัน เป็นไปไม่ได้ ในสังคมมนุษย์ที่มีความซับซ้อนขนาดนี้
ผมถามว่าคุณกับผมทะเลาะกัน จะตัดสินด้วยวิธีไหน โหวตกัน เอาคนกลางที่คุณคิดว่าศีลธรรมมาตัดสิน หรือคุณเอาปืนจ่อหน้าผม แล้วบอกให้ผมคิดตามคุณ อะไรในสามข้อนี้ที่ชั่วน้อยที่สุด การโหวตคือสิ่งที่เลวร้ายน้อยที่สุด ดังนั้นผมคิดว่าถ้าคุณอภิสิทธิ์เลือกเปลี่ยนนโยบายพุ่งไปที่คนจน ผมคิดว่า มันไม่ได้เป็นปัญหาในเชิงพื้นฐาน พวกเขาถูกกระทำไปแล้ว
@คิดว่าผลลัพธ์จะออกมาในทางใด
ผมคิดว่าไม่ได้จบลงที่แพ้หรือไม่แพ้ มันเป็นเกมยาว สมรภูมิต่อไปที่เจอกันแน่ คือสมรภูมิเรื่องรัฐธรรมนูญ ไม่ว่านักการเมืองฝ่ายซ้าย ฝ่ายขวา ก็ไม่มีใครเอารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ช้าก็เร็ว สำคัญที่ว่าครั้งต่อไป ใครจะช่วงชิงการนำได้
@ถ้าแก้รัฐธรรมนูญจริง การมีส่วนร่วมของประชาชนก็ยังถูกหมางเมินอยู่ดี
ผมคิดว่าประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ฝั่งพิภพ ธงไชย ฝั่งสุริยะใส กตะศิลา พยายามตบมือให้กับสิทธ์ประชาชนที่ได้เพิ่มขึ้นมาในรัฐธรรมนูญปี 50 เช่นลงชื่อเรียกร้องกฎหมายจาก 5 หมื่น เหลือ 2 หมื่น คือเป็นอะไรที่เป็นเชิงปริมาณมาก ไม่มีคุณภาพเลย ผมคิดว่ารัฐธรรมนูญฉบับไหนก็ไม่ควรมีเรื่องการมีส่วนร่วมของประชาชนลงไปด้วย ซ้ำ ควรจะเป็นเพียงกฎหมายลูกไป
@ถ้าคุณอภิสิทธิ์นำรัฐไปสู่รัฐสวัสดิการ จะช่วยทำให้อะไรๆ ดีขึ้นไหม
หลังจากทักษิณใครก็ประกาศนโยบายแบบนี้ ไม่งั้นคงเป็นรัฐบาลไม่ได้ แต่ในทางปฏิบัติ ต้องค่อยเป็นค่อยไป ข้อสังเกตอันหนึ่งในโมเดลที่เป็นรัฐสวัสดิการทั่วโลกคือ มันกำลังจะพัง ถ้าไม่นับประเทศที่มีน้ำมันนะ ฝรั่งเศสชัดเจนที่สุด รัฐสวัสดิการที่เข้มแข็งมาก พอเจอโลกาภิวัตน์ รัฐสวัสดิการกลับไปต่อไม่ได้
@คุณเชื่อทุนนิยม หรือ เชื่อในระบบไหนแน่
ปัญหาของทุนนิยมคือไม่มีที่ว่างให้กับคนที่พ่ายแพ้ ไม่ต้องพูดถึงความเท่าเทียมกันในการกระจายรายได้ คอนเซ็ปต์ของรัฐสวัสดิการคือสร้างเครือข่ายขึ้นมารองรับ ใครที่มันตกลงมาอย่างน้อยมันไม่ลงพื้น คงจะเหนื่อยที่จะต้องมาเจียดรายได้ เพื่อมาหนุนรัฐสวัสดิการ ซึ่งแน่นนอนว่า 70% เป็นเงินเดือนราชการ เหลือ 30 ถามว่าคุณจะยอมผลักในส่วน 70 ให้ขึ้นไปอีกเพื่อมาหนุนรัฐสวัสดิการรึเปล่า แล้วคุณก็ต้องทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น ต้องแข่งกันมากขึ้น
@ไม่ว่าจะในทางใด ก็ไม่มีทางออกแบบ "วิน-วิน" ?
เมื่อไม่ยอมยุบสภา คุณอภิสิทธิ์ก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ที่ต้องทำก่อนเลยคือเรื่องเขายายเที่ยง ปิดสนามบิน ถ้าอยากได้รับการยอมรับ คุณต้องกล้าหาญ ผมถามว่า ก่อนที่คุณอภิสิทธิ์จะมาเป็นนายก คุณอภิสิทธิ์เคยทำอะไรสำเร็จบ้าง ไม่มีนะ เรียน เป็นอาจารย์ ก่อนเข้าพรรคประชาธิปัตย์ แล้วก็มาเป็นนายกฯ ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานจริงที่สำเร็จเป็นรูปธรรม จึงไม่มีความกล้าที่จะทำ
นอกจากนี้ เอาเข้าจริง ผมคิดว่าคุณอภิสิทธิ์หมดอนาคตทางการเมืองไปแล้ว คือเลือกผิด คนอย่างคุณอภิสิทธิ์ ท้ายที่สุดไม่ช้าก็เร็ว ต้องได้เป็นนายกฯ อยู่แล้ว ไม่มีใครกังขาเรื่องนี้ เขาเหมาะมาก ด้วยปัจจัยอะไรทั้งหมด ชาติตระกูล การศึกษา ผมไม่ได้แอนตี้อะไรคุณอภิสิทธิ์เป็นการส่วนตัว เขาตัดสินใจผิดอย่างเดียว คือตัดสินใจที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยวิธีการแบบนี้ ถ้าคุณรออีกสัก 3 ปี มันสง่างามกว่าเยอะ ตอนนี้ไม่ว่าจะแก้ตัวยังไง ก็ไม่มีใครลืมเลยว่าคุณอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีที่เกิดจากรัฐประหาร
@เช่นนั้น คุณอภิสิทธิ์ต้องทำอย่างไรเพื่อดึงความเชื่อมั่นประชาชน
กรณ์ จาติกวณิช ขึ้นมาบอกว่าจะทำอะไร ภาษีที่ดิน ภาษีมรดก แล้วตอนนี้อยู่ไหน คุณมีความกล้าจะผลักดันเรื่องพวกนี้รึเปล่า ผมพูดเล่นๆ อเมริกา คุณนึกชื่อเศรษฐีอเมริกาออกไหม นึกออก เยอะแยะ คนญี่ปุ่นล่ะ คุณนึกออกไหม ไม่ออก ทั้งๆ ที่เศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 อย่างจีนก็นึกออก ถามว่าทำไม ภาษีมรดกที่ญี่ปุ่นมันโหดร้ายมาก ไม่ว่าคุณรวยแค่ไหน คุณโดนภาษีมรดกย้อนหลัง 3 รุ่น กลายเป็นรวยเท่าคนธรรมดา คุณกล้าที่จะผลักดันภาษีประเภทนั้นออกมารึเปล่า ซึ่งผมคิดว่าทั้งคุณกรณ์ และคุณอภิสิทธิ์คงไม่มีความกล้าพอที่จะผลักดันเรื่องที่มันสำคัญจริงๆ และขัดแย้งกับผลประโยชน์ของคนชั้นตัวเองจริงๆ อย่างเหมือนโคอิซุมิ ตอนที่จะแปรรูปไปรษณีย์ญี่ปุ่น ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน ผมจะลาออก แล้วออกจริงๆ แล้วตอนเลือกตั้งกลับมา เขาบอกถ้าผมกลับมา ผมจะต้องผ่านกฎหมายฉบับนี้ อย่างนี้ ความกล้าหาญทางการเมือง โอบาม่า ก็เหมือนกันในเรื่อง เฮลท์ รีฟอร์ม ว่าจะเอากฎหมายนี้ เอาให้ผ่านให้ได้ ถามว่าคุณอภิสิทธิ์มีความกล้าทางการเมืองแบบนั้นไหม
@แล้วถ้าไม่ใช่คุณอภิสิทธิ์ ใครมีแววแบบไร้ข้อกังขาบ้าง
ตัวเลือกน้อยมาก คุณเฉลิมก็สู้ไม่ไหว บิ๊กจิ๋วก็ไม่ไหว เอาเป็นว่าตอนนี้ผมยังไม่เห็น หาไม่ได้จริงๆ ในระยะนี้
@ในสถานการณ์แบบนี้คุณเลือกที่จะเสพข่าวอย่างไร
ก็ต้องเสพข่าวของทั้งสองฝั่ง กลั่นกรองเอาเอง ปัญหาคือมติชนอาจจะแฟร์ที่สุดแล้วมั้งวันนี้ สื่อทุกวันนี้ยินยอมที่จะเซ็นเซอร์ตัวเอง ผมยกตัวอย่าง ถ้าคุณไปอินเดีย จะเห็นว่ามีฟรีทีวีเป็นร้อยช่อง อเมริกานี่นับไม่ถ้วน แล้วทำไมเมืองไทยถึงมีฟรีทีวีแค่ 5 ช่อง เพราะมันถูกจำกัดไง มีฟรีทีวีไม่ได้ ของทหารนี่กี่ช่อง ถามว่าทำไม เพราะมีฟรีทีวีแล้วไม่ต้องมีข่าวหัวค่ำ อย่างนั้นเหรอ ถ้าคุณมีฟรีทีวีแล้วทหารจะกินอะไร อย่างนี้รึเปล่า ถ้าจะเปลี่ยนแปลงอาจจะต้องสู้เรื่องนี้ด้วย
( ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1268984818&grpid=no&cat... )
No comments:
Post a Comment