Wednesday, April 7, 2010

บิ๊กทหาร ตั้งท่าแตกคอ?

http://www.bangkok-today.com/node/4967


บิ๊กทหาร ตั้งท่าแตกคอ?

ซึ่งเพราะความผิดพลาดของแผนวอร์รูม จากคนใกล้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ นี่เอง ที่กลายเป็นการไปกระตุ้นให้กลุ่มคนเสื้อแดง ตัดสินใจเคลื่อนขบวน และเป้าหมายหนึ่งที่จะเคลื่อนพลไปเยือนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์นั่นเองและกลายเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มากยิ่งขึ้น ที่ไปทำเหมือนยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนพล แล้วมาที่พรรคเนื่องจากในวันที่ 6 เมษายน เป็นวันครบรอบ 64 ปีของพรรคประชาธิปัตย์วันเกิดของพรรค มาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร???

เพราะแนวคิดที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และกลุ่มคนรอบกายที่ใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ กำหนดยุทธศาสตร์รับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดง ว่าในส่วนเจรจาก็เจรจาไป แต่ก็จะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายกดดันตลอดเวลาด้วยเช่นกันกำลังถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมาก แม้แต่กระทั่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์เพียงใด??โดยเฉพาะอย่าง

ยิ่ง หลังเกิดเหตุการณ์ระดมพลของกลุ่มคนเสื้อแดง ในทันทีที่มีการแว่วข่าวว่า จะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์เท่านั้นเอง... ภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หรือ 30 นาที ปรากฏว่าคนเสื้อแดงเต็มพรึ่บนับแสนคนอย่างรวดเร็วถือเป็นการประเมินสถานการณ์ และเป็นการเชื่อข่าวกรองที่ผิดพลาดอย่างยิ่งของทั้ง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมทั้งของบรรดาแม่ทัพนายกองของ ศอ.รส.ทั้งหลายเนื่องจากหลังจากที่กลุ่ม

คนเสื้อแดงใช้วิธีการยึดพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อให้เกิดภาพฟ้องไปทั่วโลก โดยแม้แต่เวทีคนเสื้อแดง ก็มีการเปลี่ยนแปลง เจตนาเพื่อสื่อไปให้ทั่วโลกได้รู้ว่าเป็นการชุมนุมเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยภาพเวทีที่แพร่ผ่านสื่อต่างไปทั่วโลก ขึ้นตัวอักษรด้านหลังว่า “WE JUST WANT DEMOCRACY” แถมยังพ่วงการเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวไทยอีกด้วย เป็นภาพที่กดดันรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้มีความพยายามที่จะสลายการชุมนุม แม้ว่าการดำเนินการ

ด้วยการฟ้องศาลแพ่งจะล้มเหลวไปแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพราะเมื่อได้รับข่าวกรองว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์มีจำนวนคนประมาณหมื่นคนต้นๆเท่านั้น จึงทำให้มีการเสนอความคิดในวอร์รูม ศอ.รส. ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า มีนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. และกลุ่มนายทหารเสนาธิการที่ใกล้ชิดอย่างมากกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ต้องการให้ ทาง ผบ.พล.ม.2 เป็นกองกำลังในการสลายการชุมนุมทวง

คืนพื้นที่สี่แยกราชประสงค์กลับคืน แต่ปรากฏว่าทาง ผบ.พล.ม.2 ไม่เห็นด้วย กับการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมสะท้อนชัดว่าขณะนี้ในส่วนของทหารเอง ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และนายทหารคุมกำลังหลายคน ไม่ต้องการที่จะเข้ามาเป็นกองกำลังปราบปรามการชุมนุม เพราะภาพการชุมนุมได้เผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วว่า เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตย หากทหารเข้าไปสลายการชุมนุมทหารก็พังอย่างไรก็ตาม เนื่องจากวอร์รูมเชื่อมั่นว่า จำนวนผู้ชุมนุมที่

สี่แยกราชประสงค์มีจำนวนน้อย จึงมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพื้นที่หวังยึดพื้นที่คืน ทำให้ได้เห็นภาพการระดมพลคนเสื้อแดงที่น่าตระหนก เพราะมาอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนแสนๆ คนในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ไม่เต็มใจที่จะสลายการชุมนุมตามคำสั่งของวอร์รูมอยู่แล้ว ดังนั้น เพียงแค่คนเสื้อแดง ตั้งแถวยัน พร้อมกับมีการประพรมน้ำให้ตำรวจเยือกเย็นแล้วมีการลูบเนื้อลูบตัวกันในฐานะคนไทยด้วยกันเองตำรวจก็หยุดหมดแล้ว ทำให้ความรุนแรงที่ไม่ว่ากลุ่ม

ใดก็ตามที่คาดหวังเอาไว้ลึกๆในใจนั้น ฝ่อไปโดยสิ้นเชิงซึ่งเพราะความผิดพลาดของแผนวอร์รูม จากคนใกล้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ นี่เอง ที่กลายเป็นการไปกระตุ้นให้กลุ่มคนเสื้อแดง ตัดสินใจเคลื่อนขบวน และเป้าหมายหนึ่งที่จะเคลื่อนพลไปเยือนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์นั่นเองและกลายเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มากยิ่งขึ้น ที่ไปทำเหมือนยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนพล แล้วมาที่พรรคเนื่องจาก

ในวันที่ 6 เมษายน เป็นวันครบรอบ 64 ปีของพรรคประชาธิปัตย์วันเกิดของพรรค มาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร???นี่คือ สิ่งที่กลายเป็นภาพสะท้อนว่า นอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่มีวุฒิภาวะทางการเมืองที่มากเพียงพอ มองไม่เห็นความเดือดร้อนทางการเมืองในขณะนี้ เพราะคิดแต่ว่ามีผู้สนับสนุน มีกำลังทหารบางส่วนค้ำยันรัฐบาล และที่แย่มากๆ ก็คือ ฟังคนรอบข้างมากเกินไป แล้วนำไปตัดสินใจแบบไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง วันสำคัญของพรรคแท้ๆ จึงกลาย

เป็นวันที่เกิดเรื่องขึ้นมาอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดวันเกิดพรรค กลายเป็นวันเกิดเรื่อง... หรือความผูกพันที่นายอภิสิทธิ์ มีต่อพรรคในเวลานี้จะไม่เข้มข้นพอ จึงใช้วันเกิดพรรคเป็นวันสลายการชุมนุมและกลายเป็นวันที่บรรดาผู้อาวุโส คนเก่าแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องจับเข่าคุยกันอีกครั้งว่า จะปล่อยสถาการณ์เช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือควรจะทำอะไรได้เสียทีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีการวิเคราะห์กันว่า ด้วยความที่ขาดวุฒิภาวะทางการเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้นายอภิสิทธิ์

กำลังตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่ม ซึ่งมีทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองและกลุ่มบุคคลนอกพรรคที่ต้องการใช้นายอภิสิทธิ์ เป็นหมากสำคัญในการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในครั้งนี้ซึ่งจนถึงขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นตัวรู้ถึงความลึกซึ้งของเกมโหดทางการเมืองในครั้งนี้เลย จึงทำให้ผู้อาวุโสอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเห็นนายอภิสิทธิ์ มาตั้งแต่ก้าวแรกที่เตาะแตะบนถนนการเมือง และให้ความเอ็นดูมาตลอด อด

ที่จะรู้สึกห่วงใยไม่ได้เช่นเดียวกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ซึ่งก็เคยโดนพิษการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว ย่อมต้องเป็นกังวลแทนนายอภิสิทธิ์ ด้วยเช่นกันเพราะบรรดาคนรุ่นเก่ารู้ดีว่า คนอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นมีความรอบจัด รอบตัวขนาดไหน ที่สำคัญเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของนายสุเทพ เองแล้ว สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องอิตถีเพศซึ่งเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่รู้กันดี แต่เรื่องการเมืองนายสุเทพก็เขี้ยวยาวโง้งด้วยเช่น

กันในขณะที่นายอภิสิทธิ์ ยังคงความละอ่อน และเชื่อมั่นในตัวนายกรณ์ จาติกวณิช นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย หรือแม้แต่นายศิริโชค โสภา ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แต่ร้องสนับสนุน หรือให้ข้อมูลที่สร้างความพอใจให้นายอภิสิทธิ์ ได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถใช้ในการรับมือการเมืองภายในพรรคได้เลยเห็นสภาพแตกร้าวในพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้แล้ว… หนาวแทนนนายอภิสิทธิ์จริงๆ

แยกผ่านฟ้าราชดำเนิน สู่ แยกเอราวัณราชประสงค์ของราชประชาเสื้อแดง

ครับ ผมได้ไปตรวจแถวแนวการชุมนุมของ นปช แดงทั้งแผ่นดิน ก็ทำให้รู้สึกมีความฮึกเหิมในใจ และรู้สึกว่า การมาชุมนุมของพ่อแม่พี่น้องชาว ชนบท ทำให้มีความรู้สึกต้องยกย่องให้กับท่านทั้งหลาย ถึงแม้ผมไม่ทราบว่า ความจริงเปแนอย่างไร แต่มันได้แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวยึดมั่นในอุดมการณ์ที่มีต่อประชาธิปไตย และในความเชื่อมั่นในตัว นายกทักษิณ ชินวัตรอย่างเต็มเปี่ยม จากการที่มาปักหลักชุมนุมที่แยกผ่านฟ้า ถนนราชดำเนิน ทำให้ ชาว กทม.มีความตื่นตัว ตื่นใจ ต่อการต่อสู้ของชาวเสื้อแดงเป็นอย่างยิ่ง ที่มีการเดินขบวนประท้วงไปตามถรรหนทางต่างๆ เป็นที่ตื่นตา ตื่นใจเป็นอย่างมาก แต่กับ ฝ่ายรัฐบาลโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หาได้มีความรู้สึกเช่นนั้นไม่ เพราะจากสถานการณ์ดังกล่าวนี้ นายอภิสิทธิ์ ได้เหมือนกับซากศพที่เดินได้ ไม่มีความรู้สึกแม้กระทั่งความคิดเห็น ความเห็นใจ สงสาร พี่น้องประชาชน ที่ต้องมานั่งตากแดด ตามกลม ในท้องถนน จนทำให้มาการเดินทางมาปักหลักที่ถนนราชประสงค์ อันเป็นที่ๆสองในการชุมนุม และที่ตรงนี้นี่เอง กลับทำให้ประชาชน ได้รับทราบเรื่องราวต่างๆอย่างมากมาย เช่น การไม่ยอมรับ ของนักธุรกิจในย่านนั้น การออกมาต่อว่า ต่อขาน ของ กกร. และการออกมาทำหน้าที่ของผู้พิพากษา ที่ไม่ยอมเป็นเครื่องมือของรัฐบาล ในการขับไล่ ผู้ชุมนุมประท้วงบนถนน และได้เห็นการสั่งการจาก ศอรส. ที่ออกประกาศมาใช้กับคนเสื้อแดง และยังได้เห็น ความไม่เป็นปึกแผ่นในกองทัพ ซึ่ง ผบทบ.ได้เก็บตัวเงียบ ไม่ยอมออกหน้ามารับใช้ รัฐบาล และที่สำคัญที่สุดก็คือ ชาว กทม.ทั้งหลาย ไม่ได้มีการออกมาต่อต้านคนเสื้อแดงเลยแม้แต่น้อย ส่วนเสื้อสีชมภูนั้น มันรู้กันอยู่ว่า เป็นคนของใคร ก็นับว่า เป็นนิมิตหมายที่ดีในการเรียกร้องประชาธิปไตย ของคนเสื้อแดง แต่ที่น่าสนใจคือว่า ได้มีชาว มุสลิมทาง3จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มาร่วมกับคนเสื้อแดงต่อสู้มากยิ่งขึ้น ผมเองก็กลัวว่า วันหนึ่ง ถ้าเราได้ประชาธิปไตยมาแล้ว เราควรแบ่งประชาธิปไตยและแบ่งดินแดนให้กับเขาเหล่านั้นด้วยไหม ทำไมต้องปล่อยประเทศไทยให้เป็นเช่นนั้น

ละอ่อนทางการเมือง

นึกสงสารอภิสิทธิ์ขึ้นมาทันทีเมื่ออ่านข่าวหัวข้อนี้เพราะการที่อ่อนหัดทางการเมืองที่จะทำให้อภิสิทธิ์ตายทางการเมืองด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจบุคคลรอบข้าง การสั่งการในการสลายคนเสื้อแดงอันเป็นเหตุให้อภิสิทธิ์ต้องยุติบทบาททางการเมืองแต่การสลายนั้นไม่อยากให้เกิดขึ้นกับคนเสื้อแดงเลยเพราะเขามาด้วยหัวใจเรียกร้องประชาธิปไตย

ทางเลือกของนายกฯ ในสถานการณ์ เช่นนี้

จากสถานการณ์ปัจจุบัน ผมคิดว่า คุณอภิสิทธิ์ ไม่ทราบว่าตนเองยังไม่พร้อมกับ การดำรงตำแหน่งผู้บริหารประเทศ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ ในเมื่อความสามารถของ คุณยังไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ แต่ได้ยอมรับตำแหน่ง ไปแล้ว และทั้งยังได้ทดลองดูแล้ว ก็น่าจะมีอยู่ ๓ ทางเลือกเท่านั้น คือ... ๑ สร้างคุณสมบัติตนเองให้พร้อม (ซึ่งยากมาก คุณต้องมีมาตั้งแต่เกิดเป็นทุน จึงจะพัฒนาได้) หากทำได้ คุณเจ๋งมาก เพราะเวลาจำกัด คุณต้องแจ๋วมาก ๆๆๆ ๒ ลาออก เพราะว่าหากคุณไม่มีความเข้มแข็งเพียงพอที่จะตัดสินใจ จะยอมเป็นหุ่นอยู่ทำไม ไม่เสียหน้า และแสดงความเป็นลูกผู้ชายสุด ๆ ๓ ยุบสภา (ในกรณีี่ที่คุณเป็นคนเข้มแข็ง) เพราะอย่างน้อย คุณ ก็ยังอยู่ในตำแหน่งได้อีก ๒ เดือน จะได้ลบภาพพจน์ ว่าคุณไม่เป็นตัวของตัวเอง

เกียรติของความเป็นคนมันก็ไม่เหลือ

พรรคประชาธิปัตย์ที่ได้มาเป็นรัฐบาล (เพราะอำมาตย์ทหารอุ้มเข้ามา) พวกคุณบ้าอำนาจมาก ที่ได้มาเป็นรัฐบาล อย่าหลงอำนาจอยู่เลย อยู่ไปก็ยิ่งสร้างความแตกแยก ให้ร้าวลึกมากไปอีก เกียรติยศศักดิ์ศรีของความเป็นคน ของพวกคุณมันไม่เหลือแล้ว ยุบสภาเถอะ

No comments:

Post a Comment