บิ๊กทหาร ตั้งท่าแตกคอ?
ซึ่งเพราะความผิดพลาดของแผนวอร์รูม จากคนใกล้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ นี่เอง ที่กลายเป็นการไปกระตุ้นให้กลุ่มคนเสื้อแดง ตัดสินใจเคลื่อนขบวน และเป้าหมายหนึ่งที่จะเคลื่อนพลไปเยือนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์นั่นเองและกลายเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มากยิ่งขึ้น ที่ไปทำเหมือนยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนพล แล้วมาที่พรรคเนื่องจากในวันที่ 6 เมษายน เป็นวันครบรอบ 64 ปีของพรรคประชาธิปัตย์วันเกิดของพรรค มาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร???
เพราะแนวคิดที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง และกลุ่มคนรอบกายที่ใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ กำหนดยุทธศาสตร์รับมือการชุมนุมของคนเสื้อแดง ว่าในส่วนเจรจาก็เจรจาไป แต่ก็จะมีการใช้มาตรการทางกฎหมายกดดันตลอดเวลาด้วยเช่นกันกำลังถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมาก แม้แต่กระทั่งภายในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเอง ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์เพียงใด??โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่ง หลังเกิดเหตุการณ์ระดมพลของกลุ่มคนเสื้อแดง ในทันทีที่มีการแว่วข่าวว่า จะมีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่สี่แยกราชประสงค์เท่านั้นเอง... ภายในระยะเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง หรือ 30 นาที ปรากฏว่าคนเสื้อแดงเต็มพรึ่บนับแสนคนอย่างรวดเร็วถือเป็นการประเมินสถานการณ์ และเป็นการเชื่อข่าวกรองที่ผิดพลาดอย่างยิ่งของทั้ง นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ รวมทั้งของบรรดาแม่ทัพนายกองของ ศอ.รส.ทั้งหลายเนื่องจากหลังจากที่กลุ่ม
คนเสื้อแดงใช้วิธีการยึดพื้นที่สี่แยกราชประสงค์ เพื่อให้เกิดภาพฟ้องไปทั่วโลก โดยแม้แต่เวทีคนเสื้อแดง ก็มีการเปลี่ยนแปลง เจตนาเพื่อสื่อไปให้ทั่วโลกได้รู้ว่าเป็นการชุมนุมเพื่อทวงคืนประชาธิปไตยภาพเวทีที่แพร่ผ่านสื่อต่างไปทั่วโลก ขึ้นตัวอักษรด้านหลังว่า “WE JUST WANT DEMOCRACY” แถมยังพ่วงการเชิญชวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเที่ยวไทยอีกด้วย เป็นภาพที่กดดันรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง จึงทำให้มีความพยายามที่จะสลายการชุมนุม แม้ว่าการดำเนินการ
ด้วยการฟ้องศาลแพ่งจะล้มเหลวไปแล้วก็ตาม ทั้งนี้เพราะเมื่อได้รับข่าวกรองว่า กลุ่มคนเสื้อแดงที่บริเวณสี่แยกราชประสงค์มีจำนวนคนประมาณหมื่นคนต้นๆเท่านั้น จึงทำให้มีการเสนอความคิดในวอร์รูม ศอ.รส. ซึ่งรายงานข่าวระบุว่า มีนายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รอง ผบ.ทบ. และกลุ่มนายทหารเสนาธิการที่ใกล้ชิดอย่างมากกับ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเฉพาะคนที่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ต้องการให้ ทาง ผบ.พล.ม.2 เป็นกองกำลังในการสลายการชุมนุมทวง
คืนพื้นที่สี่แยกราชประสงค์กลับคืน แต่ปรากฏว่าทาง ผบ.พล.ม.2 ไม่เห็นด้วย กับการใช้กำลังทหารเข้าสลายการชุมนุมสะท้อนชัดว่าขณะนี้ในส่วนของทหารเอง ทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. และนายทหารคุมกำลังหลายคน ไม่ต้องการที่จะเข้ามาเป็นกองกำลังปราบปรามการชุมนุม เพราะภาพการชุมนุมได้เผยแพร่ไปทั่วโลกแล้วว่า เป็นการเรียกร้องประชาธิปไตย หากทหารเข้าไปสลายการชุมนุมทหารก็พังอย่างไรก็ตาม เนื่องจากวอร์รูมเชื่อมั่นว่า จำนวนผู้ชุมนุมที่
สี่แยกราชประสงค์มีจำนวนน้อย จึงมีการนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าพื้นที่หวังยึดพื้นที่คืน ทำให้ได้เห็นภาพการระดมพลคนเสื้อแดงที่น่าตระหนก เพราะมาอย่างรวดเร็วเป็นจำนวนแสนๆ คนในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเอง ก็ไม่เต็มใจที่จะสลายการชุมนุมตามคำสั่งของวอร์รูมอยู่แล้ว ดังนั้น เพียงแค่คนเสื้อแดง ตั้งแถวยัน พร้อมกับมีการประพรมน้ำให้ตำรวจเยือกเย็นแล้วมีการลูบเนื้อลูบตัวกันในฐานะคนไทยด้วยกันเองตำรวจก็หยุดหมดแล้ว ทำให้ความรุนแรงที่ไม่ว่ากลุ่ม
ใดก็ตามที่คาดหวังเอาไว้ลึกๆในใจนั้น ฝ่อไปโดยสิ้นเชิงซึ่งเพราะความผิดพลาดของแผนวอร์รูม จากคนใกล้นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ นี่เอง ที่กลายเป็นการไปกระตุ้นให้กลุ่มคนเสื้อแดง ตัดสินใจเคลื่อนขบวน และเป้าหมายหนึ่งที่จะเคลื่อนพลไปเยือนก็คือ พรรคประชาธิปัตย์นั่นเองและกลายเป็นสิ่งที่ทำให้บรรดาผู้อาวุโสในพรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจวิธีคิดของนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ มากยิ่งขึ้น ที่ไปทำเหมือนยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมเคลื่อนพล แล้วมาที่พรรคเนื่องจาก
ในวันที่ 6 เมษายน เป็นวันครบรอบ 64 ปีของพรรคประชาธิปัตย์วันเกิดของพรรค มาทำให้เกิดภาพเช่นนี้ได้อย่างไร???นี่คือ สิ่งที่กลายเป็นภาพสะท้อนว่า นอกจากนายอภิสิทธิ์จะไม่มีวุฒิภาวะทางการเมืองที่มากเพียงพอ มองไม่เห็นความเดือดร้อนทางการเมืองในขณะนี้ เพราะคิดแต่ว่ามีผู้สนับสนุน มีกำลังทหารบางส่วนค้ำยันรัฐบาล และที่แย่มากๆ ก็คือ ฟังคนรอบข้างมากเกินไป แล้วนำไปตัดสินใจแบบไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง วันสำคัญของพรรคแท้ๆ จึงกลาย
เป็นวันที่เกิดเรื่องขึ้นมาอย่างที่ไม่สมควรจะเกิดวันเกิดพรรค กลายเป็นวันเกิดเรื่อง... หรือความผูกพันที่นายอภิสิทธิ์ มีต่อพรรคในเวลานี้จะไม่เข้มข้นพอ จึงใช้วันเกิดพรรคเป็นวันสลายการชุมนุมและกลายเป็นวันที่บรรดาผู้อาวุโส คนเก่าแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องจับเข่าคุยกันอีกครั้งว่า จะปล่อยสถาการณ์เช่นนี้ไปเรื่อยๆ หรือควรจะทำอะไรได้เสียทีแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้มีการวิเคราะห์กันว่า ด้วยความที่ขาดวุฒิภาวะทางการเมืองเป็นอย่างมาก ทำให้นายอภิสิทธิ์
กำลังตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนบางกลุ่ม ซึ่งมีทั้งคนในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกันเองและกลุ่มบุคคลนอกพรรคที่ต้องการใช้นายอภิสิทธิ์ เป็นหมากสำคัญในการแย่งชิงอำนาจทางการเมืองในครั้งนี้ซึ่งจนถึงขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นตัวรู้ถึงความลึกซึ้งของเกมโหดทางการเมืองในครั้งนี้เลย จึงทำให้ผู้อาวุโสอย่างนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค ซึ่งเห็นนายอภิสิทธิ์ มาตั้งแต่ก้าวแรกที่เตาะแตะบนถนนการเมือง และให้ความเอ็นดูมาตลอด อด
ที่จะรู้สึกห่วงใยไม่ได้เช่นเดียวกับนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ซึ่งก็เคยโดนพิษการเมืองภายในพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว ย่อมต้องเป็นกังวลแทนนายอภิสิทธิ์ ด้วยเช่นกันเพราะบรรดาคนรุ่นเก่ารู้ดีว่า คนอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ นั้นมีความรอบจัด รอบตัวขนาดไหน ที่สำคัญเพื่อบรรลุถึงเป้าหมายของนายสุเทพ เองแล้ว สามารถที่จะทำอะไรก็ได้ซึ่งไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องอิตถีเพศซึ่งเป็นความสามารถพิเศษเฉพาะตัวที่รู้กันดี แต่เรื่องการเมืองนายสุเทพก็เขี้ยวยาวโง้งด้วยเช่น
กันในขณะที่นายอภิสิทธิ์ ยังคงความละอ่อน และเชื่อมั่นในตัวนายกรณ์ จาติกวณิช นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย หรือแม้แต่นายศิริโชค โสภา ซึ่งคนกลุ่มนี้ได้แต่ร้องสนับสนุน หรือให้ข้อมูลที่สร้างความพอใจให้นายอภิสิทธิ์ ได้เท่านั้นแต่ไม่สามารถใช้ในการรับมือการเมืองภายในพรรคได้เลยเห็นสภาพแตกร้าวในพรรคประชาธิปัตย์เช่นนี้แล้ว… หนาวแทนนนายอภิสิทธิ์จริงๆ
แยกผ่านฟ้าราชดำเนิน สู่ แยกเอราวัณราชประสงค์ของราชประชาเสื้อแดง
ละอ่อนทางการเมือง
ทางเลือกของนายกฯ ในสถานการณ์ เช่นนี้
เกียรติของความเป็นคนมันก็ไม่เหลือ