ครม.รอบแรกทิ้งทวนเกือบหมื่นล้าน กอ.รมน.ได้อีก 293 ล้าน
Tue, 2011-05-03 21:35
ประชุมครม. นัดสุดท้าย รอบแรก-บ่าย อนุมัติกรอบวงเงินให้ 6 หน่วยงานดำเนินการเกือบหมื่นล้าน ยังประชุมรอบค่ำอีกร้อยกว่าวาระ ด้านกอ.รมน.สรุปผลงาน 6 เดือนเสนอ“มาร์ค” แจงจับวิทยุชุมชนเหตุผิด ม.116 ยุยงให้ปั่นป่วน ได้งบ293 ล้าน เป็นค่าตอบแทนกองกำลังเพื่อไทยชี้ รมต.ผลาญงบเทกระจาด สั่งใช้เงินหลวงซื้อสื่อโปรโมตตัวเอง
3 พ.ค.54 เวลา 17.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รอบแรก นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าในรอบแรก ครม. ได้พิจารณาเรื่องในระเบียบวาระแล้วเสร็จ 96 เรื่อง จากวาระทั้งหมด 127 เรื่อง เบื้องต้นมีสาระสำคัญได้แก่ ครม.อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2554 (งบกลาง) จำนวน 123 ล้านบาท ให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อดำเนินการในโครงการกรุงเทพเมืองปลอดภัยห่างไกลอาชญากรรม
กอ.รมน.สรุปผลงาน 6 เดือน ไม่หวั่นถูกลดงบ ปี 55
พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ เสธ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการกอ.รมน. แถลงผลการประชุมกอ.รมน.ว่า เป็นการสรุปผลงานรอบ 6 เดือนของกอ.รมน. ในส่วนงานที่ กอ.รมน.ดูแล เช่น ยาเสพติด ผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งหลังจากสรุปผลงาน นายกรัฐมนตรีรู้สึกพอใจที่ กอ.รมน.ได้ทำงานขึ้นมากตามลำดับ
พล.อ.ดาวพงษ์ กล่าวถึง เรื่องบประมาณ ว่า งบของ กอ.รมน.จริงๆที่ได้รับในปี 2555 ที่ขณะนี้ยังไม่ตกผลึก เราได้รับน้อยกว่าปี 2554 ที่ได้ซึ่งงบประมาณที่เตรียมไว้ทำอะไรเกี่ยวกับงานยุทธศาสตร์ได้น้อยตามที่ได้เตรียมไว้ แต่ไม่เป็นไรเราใช้วิธีการประสานงานกับส่วนราชการ ซึ่งตอนท้ายการประชุมนายกฯสรุปว่า ความสำคัญของกอ.รมน.คือ การประสานงานและบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกระดับ ทางกอ.รมน.ส่วนกลางต้องประสานกับกระทรวง ทบวง กรมที่เกี่ยวข้องในเรื่องต่างๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยของความสำเร็จ และตรงกับที่ทางกอ.รมนงพยายามดำเนินการอยู่ หากเราประสานงานกันได้ดีงบประมาณต่างๆ ก็ไม่ต้องใช้มาก จากงบปี 2554 ที่ได้จำนวน 7,500 กว่าล้านบาท ส่วนงบประมาณปี 2555 ได้จำนวน 6,943 ล้านบาทแบ่งเป็นงบการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ 6,164 ล้านบาท และงบความมั่นคงของรัฐ 778 ล้านบาท ซึ่งในงบความมั่นคงของรัฐ แบ่งเป็นงบกำลังพล 337 ล้านบาท และงบสำหรับขับเคลื่อนงานตามยุทธศาสตร์เพียง 440 ล้านบาท
พล.อ.ดาวพงษ์ กล่าวว่า ในที่ประชุมไม่ได้กล่าวเฉพาะเจาะจงถึงเรื่องความมั่นคงภายในกรณีที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ซึ่งกอ.รมน.มีส่วนเดียวคือ การจัดตั้ง ศอ.รส.และมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมดูแลสถานการณ์ แต่ไม่ได้ลงลึกไปว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมกี่สี กี่กลุ่ม และสถานการณ์เป็นอย่างไร เพียงแต่มีการสรุปสถานการณ์ภัยคุกคาม เช่นภัยยาเสพติดว่า มีความรุนแรงแค่ไหน ส่วนกรณีที่กอ.รมน.ถูกฝ่ายการเมืองโจมตีว่านำทหารเข้าไปในพื้นที่ เพื่อแทรกแซงการเลือกตั้งนั้น สิ่งที่ตนคิดคือ ต้องทำความเข้าใจกับสื่อฯ หากสื่อเข้าใจบทบาทของ กอ.รมน. ตนก็จะไม่ถูกโจมตี แต่ถ้าเข้าใจผิดตนก็ถูกโจมตี ตนมีตำแหน่งเป็นเสนาธิการทหารบก เป็นเลขาธิการกอ.รมน.อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสายงานของตน ก็ต้องทำเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนใครจะมองอย่างไรหรือเข้าใจผิด ถ้ามีโอกาสตนจะไปทำความเข้าใจส่วนการดูแลการเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รัฐบาลยังไม่ได้สั่งการ กอ.รมน.เป็นพิเศษในเรื่องนี้ และศูนย์ปฏิบัติงานทั้ง 6 ศูนย์ของ กอ.รมน.ก็ไม่มีหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ทั้งนี้ยังเห็นรายงานว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งอาจจะมีการยิงกันเป็นเรื่องธรรมดาแต่เรื่องใหญ่ๆ คงไม่มี
เมื่อถามถึงกรณีที่กอ.รมน.แจ้งจับวิทยุชุมนุมที่ผิดกฎหมายจำนวน 13 สถานี พล.อ.ดาวพงษ์ กล่าวว่า ความจริงที่ถูกจับส่วนใหญ่มีความผิดตาม มาตรา 116 คือ ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก ความสามัคคี ไม่ใช่ความผิด มาตรา 112 ที่เกี่ยวกับสถาบัน ซึ่งการจับกุม 13 สถานีวิทยุชุมนุมเราเอา พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียงเป็นตัวนำในการจับกุม และมาขยายผลเอาผิดโทษทางอาญาตามหลัง ทำให้ดูเหมือนเป็นสองมาตรฐาน เพราะมีอีกหลายคลื่นที่ทำผิดพ.ร.บ.กระจายเสียง ซึ่งขณะนี้มีอยู่อีกจำนวน 800 กว่าสถานีที่กระทำผิด พ.ร.บ.วิทยุกระจายเสียง ซึ่งทางคณะกรรมการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ได้ส่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ไม่ใช่ว่าตนจะมาไล่จับเสื้อแดง เสื้อเขียว อย่างเดียว ตนมองอะไรที่กระทบต่อความมั่นคง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผลสรุปการปฏิบัติงานที่สำคัญมี 3 ด้าน คือ 1.ด้านการติดตามตรวจสอบและประเมินแนวโน้มของสถานการณ์ โดยได้จัดทำโครงการเครือข่ายสายด่วนความมั่นคง 1374 ซึ่งเป็นงานตามแผนขับเคลื่อนงานด้านมวลชน กอ.รมน. โดยรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและมีจิตสำนึกด้านความมั่นคง และทราบถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัยคุกคามด้านต่างๆ โดยให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือนภัยความมั่นคงต่างๆเบอร์เดียวทั้งประเทศ 2.ด้านการเสริมสร้างให้ประชาชนตระหนักในหน้าที่ที่ต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ โดยจัดชุดวิทยากรเสริมสร้างความเข้าใจสนับสนุนการดำเนินงานพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน รวมทั้งแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ กอ.รมน.ภาค 1-4 จำนวน 100 ชุด นอกจากนี้ กอ.รมน.ยังร่วมกับกองทัพบก ร่วมรณรงค์สร้างกระแสความรักชาติและความจงรักภักดี โดยใช้ดนตรีเป็นสื่อสนับสนุน กอ.รมน.ภาคในการพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบัน รวมทั้งการให้เครือข่ายวิทยุชุมชนเพื่อความมั่นคง กอ.รมน.จำนวน 700 สถานีออกอากาศผ่านระบบอินเตอร์เน็ตพร้อมกันทั้งเครือข่าย วันละ 3 เวลา โดยเน้นเรื่องพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยุ่หัวที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย โดยให้นักจัดรายการสอดแทรกเรื่องของความรักชาติและความจงรักภักดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3.ด้านการสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติ รวมทั้งการส่งเสริมให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการปกป้องและแก้ไขปัญหาต่างๆที่กระทบต่อความมั่นคงภายในราชอาณาจักรและความสงบเรียบร้อยของสังคม ซึ่งได้มีการจัดตั้งกลไกในการขับเคลื่อนมวลชนของทุกหน่วยงานภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดกรอบทิศทางการอำนวยการและการขับเคลื่อนงานด้านมวลชนในภาพรวมของประเทศ รวมทั้งมีการฟื้นฟูมวลชนไทยอาสาป้องกันชาติ (ทสปช.)และมวลชนกลุ่มอื่นๆในทุกคโครงการของ กอ.รมน.โดยเน้นให้ความสำคัญในเรื่องการพิทักษ์ปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นความเร่งด่วนลำดับแรก โดยในปี 2554 ได้ทำการฝึกอบรมและจัดตั้งมวลชนไทยอาสาป้องกันชาติในพื้นที่ กอ.รมน.จังหวัดรวม 26 จังหวัด จำนวน 30 รุ่น รุ่นละ 200 คน รวม 6,000 คน
นายวัชระกล่าวว่า ครม.มีมติเห็นชอบให้ขยายวงเงินสินเชื่อในโครงการจากเดิมไม่เกิน 5 ล้านบาท เป็นไม่เกิน 15 ล้านบาท และให้ขยายระยะเวลาโครงการจากเดิมที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2553 เป็นสิ้นสุดในวันที่ 30 มิถุนายน 2554
นายวัชระกล่าวว่า ครม.ยังมีมติช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบการการชุมนุมฯ โดยอนุมัติให้สำนักงบประมาณจัดสรรเงิน 5.5 ล้านบาท เพื่อซ่อมแซมความเสียหายสำหรับสิ่งก่อสร้างของบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส ส่วนข้อเสนอในการช่วยเหลือบริษัท กรณีค่าเสียโอกาสในการหยุดวิ่งรถโดยสารประมาณ 20 วัน ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 วงเงินกว่า 100 ล้านบาทนั้น ครม.มอบหมายหน่วยงานเจ้าของสัมปทานไปหารือกับบีทีเอสว่าจะดำเนินการอย่างไร
นอกจากนี้ ครม.ยังอนุมัติงบกลาง ปีงบประมาณ 2554 สำหรับให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่ส่วนราชการที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ โดยเป็นการฟื้นฟูและซ่อมแซมที่ทำการเทศบาลนครอุดรธานี พร้อมอุปกรณ์และเครื่องใช้ที่จำเป็น รวมเป็นวงเงิน 212.65 ล้านบาท
เพื่อไทยชี้ รมต.พลาญงบเทกระจาด สั่งใช้เงินหลวงซื้อสื่อโปรโมตตัวเอง
เวลาประมาณ 20.00 น. การประชุมคณะรัฐมนตรีครั้ง สุดท้าย รอบที่ 2 ได้เริ่มการพิจารณาการประชุมแล้ว เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา หลังจากพักการประชุมเมื่อช่วงบ่าย โดยมีบรรดาคณะรัฐมนตรีเข้าประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง โดย นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การประชุมช่วงต่อจากนี้ไป จะเป็นการพิจารณาเรื่องที่ยังคงค้างอยู่ ซึ่งมีวาระพิจารณาปกติ ทั้งหมด 105 วาระ วาระจรอีก 35 วาระ รวมเป็น 140 วาระ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาการประชุมอีก 3 ช.ม. จะเสร็จสิ้นการประชุม ทั้งนี้ บรรดาสื่อมวลชนยังคงเกาะติดการประชุมครั้งนี้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้าย ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะประกาศยุบสภา
ใครขออะไร? งบกลางแสนล้าน ทิ้งทวนครม.นัดสุดท้าย วันที่ 3 พ.ค. เป็นนัดส่งท้ายก่อนที่จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่นั้น มีการเสนอเรื่องเข้าสู่ครม.เพื่อขออนุมัติงบประมาณจำนวนมาก อาทิ กระทรวงการคลังขอความเห็นชอบการพิจารณาบำเหน็จความชอบกรณีพิเศษ ให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในระดับสูงเฉพาะราย ในแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทยในของการปฏิบัติการประชาวิวัฒน์ 40 ราย โดยกรณีของข้าราชการ ให้ได้รับเลื่อนเงินเดือนร้อยละ 4 (ครึ่งปีของฐานในการคำนวณ) หรือเลื่อนขั้นเงินเดือนครึ่งปีแรก 1 ขั้น สำหรับระบบการเลื่อนเงินเเดือนเช่นเดิม ที่ยังไม่ได้เปลี่ยนเป็นระบบร้อยละ และกรณีของหน่วยงานอื่นให้พิจารณาเลื่อนเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษตามความเหมาะ สม ด้านกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ขออนุมัติหลักการสนับสนุนงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 จำนวน 293,610,318 บาท เพื่อเป็นค่าตอบแทนพิเศษเพิ่มเติมในส่วนต่าง ตามอัตราเบี้ยเลี้ยงเดินทางไปราชการที่ปรับเพิ่มด้วย ให้กับกำลังพลของ กอ.รมน. ที่ปฏิบัติการในสนามตามแผน หรือคำสั่งยุทธการตลอด 24 ช.ม. ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.53-30ก.ย. 54 ขณะที่กระทรวงศึกษาธิการขอ อนุมัติแผนงบประมาณขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่สอง (พ.ศ.2555-2561 ) จำนวน 371,598.379 ล้านบาท และกรอบวงเงินงบประมาณเพื่อดำเนินการตามแผน/โครงการขับเคลื่อนการปฏิรูปการ ศึกษาฯ ในปี 2555 ตามนโยบายเร่งด่วน 10 ประการ จำนวน 15,839.956 ล้านบาท ส่วน กระทรวงสาธารณสุข ขออนุมัติงบกลางปีงบฯ 2554 จำนวน 415,250,000บาท เพื่อดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุข ได้แก่ โครงการส่งเสริมการตั้งครรภ์อย่างมีคุณภาพ และโครงการ "พ่อแม่มือใหม่ เลี้ยงลูกถูกวิธี" ทางด้านสำนักงบประมาณขออนุมัติให้กรมส่งเสริมการ ปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวง มท. ใช้จ่ายงบกลาง ปีงบฯ 2554 จำนวน 212,655,900 บาท โดยให้เบิกจ่ายในงบอุดหนุน ประเภทเงินอุดหนุนเฉพาะกิจ เพื่อเป็นการให้ความช่วยเหลือเยียวยาแก่เทศบาลนครอุดรธานีในการจัดหา ครุภัณฑ์และควบคุมงานก่อสร้างของเทศบาลฯ ที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 53 ส่วน ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เสนอขออนุมัติให้ ศอ.บต.เบิกจ่ายงบกลางปีงบฯ 2554 จำนวน 180,688,000บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ระดับหมู่บ้านจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พนม.) ในพื้นที่ 12 อำเภอของ จ.สงขลา ด้าน กระทรวงแรงงาน ยังขออนุมัติงบกลาง ปีงบฯ 2554 จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อนำไปดำเนินการด้านการบริหารจัดการ และเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ตามนโยบายการขยายความคุ้มครองประกันสังคม ตามมาตรา 40 (แรงงานนอกระบบ ) แห่งพ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ. 2533 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ขณะที่กระทรวงคมนาคมขออนุมัติโครงการดำเนินงานบริหารจัดการระบบตั๋วรวม โดยขออนุมัติให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จัดตั้งสำนักงานบริหารจัดการระบบตั๋วรวม เป็นหน่วยงานภายใต้ สนข. ในช่วงเตรียมการ 4 ปีแรกจะใช้จากงบปกติของ สนข. และในปีที่เปิดดำเนินงานในปีที่ 5 เป็นต้นไป ให้จัดสรรงบฯประจำปีในวงเงิน 62.15 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม การดำเนินงานตามแผนงานการบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม ให้ใช้เงินกู้ธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) วงเงินประมาณ 10 ล้านดอลล่าร์ หรือ 300 ล้านบาท และการดำเนินงานจัดทำระบบศูนย์บริหารจัดการรายได้กลาง โดยใช้เงินกู้ ADB วงเงินประมาณ 13 ล้านดอลล่าร์ หรือ 390 ล้านบาท นอก จากนี้ คค.ยังเสนอให้ ครม.ทราบผลการดำเนินการตามมติ ครม. เรื่องการศึกษาแนวทางและกำหนดมาตรการนำเทคโนโลยีระบบกำหนดตำแหน่งบนโลก ( Global Positioning System : GPS) มาติดตั้งกับรถสาธารณะ ครั้งที่ 1 ซึ่งกำหนดจะติดตั้ง GPS เต็มรูปแบบภายในปี 2558 โดยการดำเนินการในระยะแรกภายในปี 2554 คค.จะขอใช้งบประมาณจากองทุนเพื่อความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน (กปถ.) ของกรมการขนส่งทางบกวงเงิน 10 ล้านบาท ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ในส่วนของโครงการหรือเรื่องที่ถือเป็นนโยบายสำคัญนั้น ทางกระทรวงมหาดไทยขออนุมัติให้จัดตั้งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อำเภอขึ้นในทุกอำเภอครอบคลุมทุกจังหวัด พร้อมอัตรากำลังของข้าราชการอำเภอละ 3 อัตรา จำนวน 877 อัตรา รวมทั้งสิ้น 2,631 อัตรา ทางด้านสำนักงบปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ขอนำรายงานผลการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นควรให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพุทธศักราช 2550 มาตรา 291 เพื่อจัดตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญพิจารณาปรับโครงสร้างการเมือง และ กระบวนการยุติธรรมเสนอให้ ครม.พิจารณา ซึ่งสาระสำคัญของรายงานเห็นควรให้หัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้รับคะแนนเสียง สุงสุด จากระบบบัญชีรายชื่อมีสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาล และดำรงตำแหน่งนายกฯ ทั้งนี้ฝ่ายบริหารมีอำนาจยับยั้งกฎหมายที่กระทบกับการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งเสนอโดยฝ่ายนิติบัญญัติ และรัฐบาลไม่มีสิทธิยุบสภาผู้แทนราษฎร และสภาผู้แทนราษฎรไม่มีสิทธิอภิปรายเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกฯ หรือรัฐมนตรี การลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ไม่จำเป็นต้องสังกัดพรรคการเมือง เป็นต้น อย่างไรก็ตามในส่วนของกระทรวงคมนาคม ในสังกัดของรัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย เป็นที่น่าจับตาเป็นพิเศษว่าเตรียมเสนอ 8 โครงการใหญ่ระดับหลักพันหลักหมื่นล้าน จำนวน 8 โครงการวงเงิน 3.2 หมื่นล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จีอี 50 คัน วงเงิน 6,563 ล้านบาท 2.โครงการปรับปรุงรถจักร 56 คัน วงเงิน 3,359 ล้านบาท 3.โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน วงเงิน 4,981.05 ล้านบาท 4.โครงการก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่-อำเภอหางดง วงเงิน 1,050 ล้านบาท 5.โครงการก่อสร้างถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก) วงเงิน 2,470 ล้านบาท 6.โครงการสร้างจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรีกับสถานีมักกะสัน วงเงินกว่า 10 ล้านบาท 7.โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการการเดินอากาศ 4,460 ล้านบาท 8.ขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินทางด่วนใหม่ สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 16.7 ก.ม. ค่าเวนคืน 9,500 ล้านบาท รวมทั้งการขอยกเว้นการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ขณะที่กระทรวงกลาโหม เสนอขออนุมัติจัดซื้อรถถังยูเครนรุ่น Oplot วงเงิน 7.2 พันล้านบาท จำนวน 54 คัน วงเงินงบประมาณ 7,200 ล้านบาท ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ ปี 2554-2558 กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียน ด้านกระทรวงคลังขอ 2.8 พันล้านบาท ทำประกันภัยพืชผล ด้านนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฝ่ายเศรษฐกิจ ขออนุมัติงบประมาณ 2.2 พันล้านบาท ดำเนินโครงการปุ๋ยสั่งตัด โดยให้ ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ 2-3 หมื่นล้านบาทซื้อปุ๋ย เป็นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.จะเสนอให้ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบงบประมาณที่ใช้ในการจัดการเลือกตั้ง เป็นจำนวนเงิน 3,817 ล้านบาท ส่วนปัญหาขัดแย้งไทย-กัมพูชา กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) จะเสนอขอความเห็นชอบการการแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมาย เพื่อเป็นคณะทำงานด้านกฎหมายกรณีปราสาทพระวิหาร จำนวน 3 คน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายระหว่างประเทศ โดยเป็นทนายชาวฝรั่งเศส แคนาดา และออสเตรเลีย อย่างไรก็ตามทั้ง 3 คน เดิมเป็นที่ปรึกษากฎหมายที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ว่าจ้างเป็นที่ปรึกษาของกระทรวงมาแล้วก่อนหน้านี้ ที่มา: http://www.thairath.co.th/content/pol/168526 |
No comments:
Post a Comment