Friday, June 17, 2011

ใบตองแห้งออนไลน์: มันส์พะยะค่ะ! (มันส์โคตรโคตร)

http://www.prachatai.com/journal/2011/06/35503

ใบตองแห้งออนไลน์: มันส์พะยะค่ะ! (มันส์โคตรโคตร)

มันส์พะยะค่ะ มันส์หยดติ๋ง มันส์โคตรโคตร มันส์ chip หาย... ผมอุทานเป็นภาษาวัยรุ่นหลากยุค เมื่อเห็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาสัมภาษณ์พิเศษกับช่อง 5 ช่อง 7 อย่างที่ไทยโพสต์เอาไปพาดหัวตรงเป้าว่า “เลือกเพื่อสถาบัน ผบ.ทบ.ปลุกล้มก๊วนคนชั่ว” 

แม้ไก่อูจะพยายามแก้ต่างว่า ผบ.ทบ.ไม่ได้สนับสนุนพรรคไหน หรือต่อต้านพรรคไหน แต่ชาวบ้านเขาไม่ได้กินแกลบนะครับ ฟังแล้วไม่ได้ต่างกันเลยกับ กนก รัตน์วงศ์สกุล เขียนลงเฟซบุคว่า “อย่าให้พวกเผาเมืองยึดประเทศไทย”

เพราะ พล.อ.ประยุทธ์พูดอย่างที่แปลเนื้อหาได้ชัดเจนว่า “อย่าให้พวกล้มเจ้ายึดประเทศไทย” ซึ่งเมื่ออนุมานตาม “ผังล้มเจ้า” ของ ศอฉ.ที่ทำให้ไก่อูกลายเป็นไก่เนื้อแดงดินประสิว ท่านจะหมายถึงใครอีกเล่า ถ้าไม่ใช่มวลชนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทยที่ยืนตรงข้ามพวกท่านมาตลอดตั้งแต่รัฐประหาร

แถมท่านยังออกมาพูดตอนที่พรรคเพื่อไทยนำลิ่วในโพลล์ จน ปชป.ดิ้นพล่าน และต้องมีขบวนการเตะตัดขาต่างๆ นานา

แถมท่านยังออกมาพูดวันเดียวกับที่สุเทพ เทือกสุบรรณ เข้าไปพบ แต่ไก่อูยังอ้างหน้าตาเฉยว่าไม่ได้ไป

โธ่ๆๆๆ จะให้ชาวบ้านเชื่อใครระหว่างไก่อูกับนักข่าว ในเมื่อเดาะยกบทกวี “เพียงหวังจักเฟื่องฟุ้ง หรือจึงมุ่งมาศึกษา...” ไก่อูยังปล่อยกระต๊ากๆ เต็มกองทัพบก ว่าเป็นพระราชนิพนธ์ ร.6 ทั้งที่เป็นบทกวีของนเรศ นโรปกรณ์ เขียนไว้ก่อนปี 2500 ก่อนถูกจับเข้าคุกยุคเผด็จการสฤษดิ์ในข้อหาคอมมิวนิสต์

ให้ตาย อับอายขายขี้หน้าไปทั้งสถาบัน จปร.น่าจะเรียกตัวกลับไปติววิชาวรรณคดีไทยใหม่ ขืนปล่อยไประวังขวัญใจสาวเฟซบุคจะบอกว่า “สาวเอยจะบอกให้” เป็นงานเขียนของหลวงวิจิตรวาทการ

ขวัญใจจริตตก
สถานการณ์การเลือกตั้งมาถึงวันนี้ ต้องซูฮกยกนิ้วให้ยุทธศาสตร์การหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ว่าซูดด...ยอดจริงๆ ครับ จากที่เสื้อแดงประณามรัฐบาล ปชป.ฆ่าประชาชน เป็นร่างทรงอำมาตย์ ครบรอบปีพฤษภาอำมหิต พรรคเพื่อไทยกลับพลิกไปหาเสียงด้วยการชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และชูคำขวัญ “ไม่คิดแก้แค้นแต่จะแก้ไข” พร้อมกับเปิดตัวยิ่งลักษณ์ ซึ่งพร้อมทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นร่างทรงพี่ชาย อีกด้านเป็นผู้หญิงที่อ่อนโยนนิ่มนวล ไม่ก้าวร้าวเหมือนทักษิณ แสดงท่าทีพร้อมจะ “ปรองดอง” เพื่อความสงบ 

ตอนแรกผมก็หงุดหงิด บ่นว่าทำไมไม่พูดเรื่อง “โค่นอำมาตย์” คืนประชาธิปไตย คืนความเป็นธรรม แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปศาล ปฏิรูปกองทัพ ฯลฯ แต่อย่างว่า ผมไม่ใช่นักการเมือง พรรคเพื่อไทยมองออกว่าสิ่งที่คนส่วนใหญ่ต้องการในวันนื้คือ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและความสงบ

เรื่องแก้เศรษฐกิจ ที่จริงนโยบายพรรคเพื่อไทยก็ไม่โดดเด่นอะไร เพียงแต่ ปชป.อยู่มาสองปีกว่า โชว์ความไร้ประสิทธิภาพจนชาวบ้านเขาเบื่อหน่ายแล้ว

พรรคเพื่อไทยแค่หาเสียงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องทำอะไรมาก ทุกอย่างก็เข้าล็อก เป็นไปตามสัจธรรมที่พวกพันธมิตรรู้ซึ้ง จนทำป้ายประชดชีวิต “เลือกพรรคไหนก็แพ้ทักษิณ” (Vote No เสียดีกว่า แม้แต่ยอดมนุษย์อุลตร้าแมน ก็ยังรู้ว่าสู้ทักษิณไม่ได้ จึงต้อง Vote No)

พอโพลล์นำลิ่ว กระแสขึ้น ทุกอย่างก็มาเอง แต่แทนที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นฝ่ายเริ่มต้น ฝ่ายตรงข้ามกลับเริ่มก่อน ตั้งแต่แก้วสรร-หมอตุลย์ ซึ่งพอโผล่มาในช่วงที่เพื่อไทยติดลมบนซะแล้ว ในสายตาสาธารณะ ก็กลับถูกมองว่า “ตามรังควาน” “เล่นไม่เลิก” และกลับไปทำให้ยิ่งลักษณ์ได้คะแนนสงสารเห็นใจมากขึ้น

ปชป.ก็ดิ้นพล่าน โดยเฉพาะเมื่อเจอยุทธการอันกล้าหาญชาญชัยของมวลชนเสื้อแดง ไปชูป้าย 91 ศพ และ “ของแพง” “ดีแต่พูด” อยู่กลางมวลชนประชาธิปัตย์ ทำเอาขวัญใจจริตนิยมจิตตก ปรี๊ดแตก เหลือเชื่อว่านายกฯ ผู้ดีอังกฤษศิษย์ออกซ์ฟอร์ด ไปยืนโต้วาทีเอาชนะคะคานชาวบ้านอยู่กลางตลาด

“พี่ผู้ชายที่มายกป้ายดีแต่พูด ผมเข้าใจว่าคงไม่มีลูกจึงไม่ได้เรียนฟรี มีคุณพ่อ คุณแม่ คุณปู่ คุณย่า คุณตา คุณยายหรือเปล่า เพราะรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ให้เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุครบถ้วนทุกคนแล้ว”

โห แปะ แปะ แปะ ขอปรบมือให้ ท่านนายกฯ รูปหล่อ ชนะการดีเบทขาดลอย สง่างามเหลือเกิน

เท่านั้นไม่พอ ไม่รู้ว่ามีปมอะไรในใจนักหนา แทนที่จะเก๊กหน้าหล่อไปเดินหาเสียงกับแม่ยก กลับเอาเวลาไปเขียนความในใจลงเฟซบุค เขียนออกมา 3 ภาค เป็นเรื่องทั้ง 3 ภาค โดยเฉพาะภาค 2 ที่ทำให้ชุมพล ศิลปอาชา ออกมาสวนว่า ถ้าไม่โดนบีบโดย “พลังที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” ก็คงไม่ร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์

ถึงแม้ชุมพลออกมาขอโทษและกลบเกลื่อน แต่ใครจะเชื่อ ในเมื่อชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า “พลังที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”

จำได้ไหมครับก่อนหน้านี้อภิสิทธิ์ก็บอกว่าทำตามที่บรรหารต้องการทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว ไม่ได้พาลูกเมียไปเที่ยวบึงฉวาก ตกลงจะพูดจาหามิตรหรือจะโต้วาทีเอามันปาก โง่หรือแกล้งฉลาด ไม่เข้าใจ

เอ้า พอเลขา กลต.ออกมาแถลงกรณียิ่งลักษณ์ ทั้งกรณ์ ทั้งมาร์คก็เต้น เรื่องถูกผิดโต้กันได้ แต่ทำไมต้องไปกล่าวหาเขาว่าทำตามโพล ทำงานให้เข้าตาใครบางคน หรือเตือนว่าข้าราชการต้องวางตัวเป็นกลาง ทั้งที่ตลอด 2 ปีกว่า เลขา กลต.ก็ทำงานกับ รมว.คลังมาด้วยดี

ทำใจให้กว้างกว่าอวัยวะมดบ้างสิครับ ทำอย่างนี้มันแสดงว่าพวกคุณหมกมุ่นกับเรื่องเอาผิดยิ่งลักษณ์ มัวแต่ลุ้นแก้วสรร-หมอตุลย์ มากกว่าจะสู้กันในสนามเลือกตั้งอย่างแฟร์ๆ

ท้ายที่สุด พอเห็นว่าหมดทางสู้ วอร์รูมพรรคประชาธิปัตย์ก็กำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ ปลุกเรื่อง “เผาบ้านเผาเมือง” ปลุกเรื่องนิรโทษกรรมทักษิณ แบบนี้จะเหลืออะไร้ ยิ่งเข้าทางเข้าไปใหญ่ เพราะมันแปลว่าพวกคุณนั่นแหละไม่ยอมให้สังคมสงบ

แต่เชื่อได้เลยว่า 2 สัปดาห์โค้งสุดท้าย สงครามข่าวสารจะเข้มข้น วันก่อนกรุงเทพธุรกิจก็พาดหัวถล่มนโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทย พวกขาประจำที่แอบแฝงอยู่ในคราบสื่อ นักวิชาการ หรือผู้มีชื่อเสียงทางสังคม จะทยอยกลับออกมาแสดงบทบาท เช่น คืนก่อน บรรเจิด สิงคะเนติ ก็ออกมาให้สัมภาษณ์รายการเจิมศักดิ์ แบบคุยกันเองเออออกันเองแล้วก็หันไปต้าน Vote No

ถ้าเพื่อไทยชนะ ประยุทธ์ต้องลาออก
หันกลับไปที่กองทัพ พรรคเพื่อไทยพลิกกลยุทธ์ ยิ่งลักษณ์ขอเข้าพบ ผบ.ทบ.แน่นอน ทบ.ปฏิเสธอย่างมีเหตุผล เพราะจะยอมให้พรรคใดพรรคหนึ่งเข้าพบก็น่าเกลียด 

ยกเว้นสุเทพเข้าพบ ซึ่งข่าวทุกสำนักยืนยันว่าจริง เพียงแต่อาจจะผิดไปหน่อยเรื่องเวลา คือสุเทพไปพบหลังจาก ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์พิเศษแล้ว (นี่แก้ต่างให้นะครับ) แต่ข่าวก็บอกว่า สุเทพกับ พล.อ.ประยุทธ์พบกันอยู่บ่อยๆ

แม้ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เข้าพบ แต่อย่าลืมว่าภาพที่ออกไปทางสาธารณชนคือ “นารีขี่ม้าขาว” ยื่นมือเสนอไมตรี ทบ.ไม่รับก็ไม่เป็นไร แต่กลับตามมาด้วยการแจ้งจับผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทยว่าข่มขู่ ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของ ฉก.315

เรื่องนี้เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.นะครับ แต่ไหง ทบ.เพิ่งขุดขึ้นมาก็ไม่ทราบ

เรื่องที่ไก่อูเล่าให้ฟังแล้วไม่ใช่ผมไม่เชื่อ แต่ขำ คือถ้าเป็นเราชาวบ้านตาดำๆ มีลูกน้องนักการเมืองมาเลิกชายเสื้อให้ดูปืน เขาเรียกว่าข่มขู่ เป็นใครก็กลัวหัวหด แต่นี่เป็นทหารอาวุธครบมือกับรถฮัมวี่ ฉะนั้นไอ้การที่ลูกน้องนักการเมืองเลิกชายเสื้อให้ดูปืน มันไม่ใช่ข่มขู่ ภาษานักเลงเขาเรียกว่า “กรูไม่กลัวเมริง”

นักเลงแถวบ้านผมยังบอกว่าน่านับถือหัวจิตหัวใจมัน เจ๋งจริงๆ มีแค่ปืนสั้น ยังบังอาจไป “ข่มขู่ขัดขวางการปฏิบัติงาน” ของทหารทั้งหมู่

แล้วผมก็ไม่เข้าใจ ฉก.ปราบยาเสพย์ติดประสาอะไร ขี่รถฮัมวี่ตระเวนไปในหมู่บ้านชานเมืองให้ผู้คนแตกตื่น ยาเสพย์ติดมันวางแผงขายอยู่ข้างถนนหรือครับ ถึงคิดจะทะเล่อทะล่าเข้าไปจับง่ายๆ

ตอนนั้น ผบ.ทบ.ก็ทำท่าแข็งกร้าว ยอมไม่ได้ ถ้าใครขวาง จะส่งกำลังเพิ่มเป็นชุดละ 50-100 นาย ดูซิว่าจะมีใครมาล้อมทหารอีกหรือเปล่า ใครขัดขวางอาจจะมีส่วนร่วมกับพ่อค้ายาเสพย์ติด

เออ แปลกดีนะครับ ยกทหารเข้าไปตั้งเป็นร้อย ยังกะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ต้องแจ้งให้ กกต.ทราบด้วย ทหารมีอำนาจทำได้ถึงขนาดนี้ ก็น่าจะทำเสียทุกหมู่บ้านในประเทศไทย รวมทั้งหมู่บ้านเสื้อแดงด้วย ผมเพียงแต่สงสัยว่าที่ท่านบอกว่าทำมาตั้งแต่ก่อนยุบสภา เคยจับคนค้ายาเสพย์ติดได้มั่งหรือเปล่า เพราะถ้าเข้าไปทำให้ชาวบ้านแตกตื่นอย่างนี้ คนขายยาก็หนีหมด เผลอๆ จะจับได้แต่คนขายยาใส่เสื้อแดง

“ผมให้เกียรติท่านมาโดยตลอด ช่วงเวลาที่ผ่านมา จะเห็นว่า ผมสงบปากสงบคำไปเยอะ พยายามสร้างบรรยากาศที่ดีในการเลือกตั้ง เพื่อให้ทุกคนมีความสุขในการเลือกตั้ง อยากจะโฆษณาอะไรก็ว่ากันไป แต่ถ้าท่านมาพาดพิงทหาร และมารังแกทหาร ผมรับไม่ได้”

สงบปากสงบคำที่ไหนกัน เพราะไม่กี่วันถัดมาก็ออกอากาศทั่วประเทศ อ้างว่ามีกลุ่มบุคคลไม่หวังดี ทำให้กองทัพมีปัญหากับประชาชน สถานการณ์ภายนอกกดดันกองทัพ กองทัพถูกรังแก ฯลฯ ขอความเป็นธรรมให้กองทัพ

ผมฟังแล้วไม่เข้าใจ ท่านพูดเหมือนกับกองทัพอยู่เฉยๆ เป็นสุภาพบุรุษ ไม่เคยไปยุ่งกับใคร ก็ไอ้ความปั่นป่วนวุ่นวายวิกฤตทั้งหลายที่เกิดขึ้น มันเกิดเพราะกองทัพทำตัวเป็นโจรปล้นประชาธิปไตยเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ใช่หรือ จนบัดนี้ยังไม่เคยมีผู้นำเหล่าทัพรายไหนขอโทษประชาชน ขอขมาว่าทำผิดไปแล้ว จะไม่ทำอีก จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก เห็นแต่ลอยหน้าลอยตายืนกรานว่าตัวเองทำถูกทุกอย่าง ทำเพื่อปกป้องชาติราชบัลลังก์ แล้วก็บานปลายมาจนต้องเดินตามแผนบันได 4 ขั้นตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร กระทั่งปราบปรามประชาชนในเหตุการณ์พฤษภาอำมหิต

ผมยังมองคนในแง่ดี ผมคิดว่าท่านเสียใจจริง ท่านไม่อยากให้มีคนตาย แต่ท่านจะโทษใครล่ะ อย่าเอาแต่โทษคนอื่น กองทัพก่อกรรมแล้วก็ต้องรับ พวกคุณผิดมาตั้งแต่รัฐประหารแล้วก็ต้องรับผลพวงที่เกิดขึ้น เหมือนที่ในหลวงตรัสว่ากลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกมันก็ผิดหมด

ไก่อูอ้างว่าท่านไม่ได้พูดให้ประชาชนไม่เลือกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แล้วที่ท่านเรียกร้องไม่ให้เลือกคนทำผิดกฎหมาย คนที่ใช้กริยาไม่เหมาะสม ท่านหมายถึงใครล่ะ นอกจากพรรคเพื่อไทยซึ่งมีแกนนำ นปช.สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อยู่สิบกว่าคน ซึ่งท่านพูดเป็นนัยอยู่แล้วก่อนหน้านี้ว่าให้มาสู้กันตามกระบวนการของกฎหมาย

ท่านเรียกร้องให้เลือกเพื่อสถาบัน โดยพูดถึงคดีหมิ่นและข้อเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 112 ท่านพูดถึง อ.ใจ พูดถึงจักรภพ แม้ท่านไม่พูดถึงจตุพร พรหมพันธ์ คนฟังก็เข้าใจได้ จตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้สิสต์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งท่านเองเป็นคนให้นายทหารพระธรรมนูญไปแจ้งจับ จนวันนี้ก็ยังถูกคุมขังไม่ได้ประกัน

ฉะนั้นที่ท่านเรียกร้องให้เลือกเพื่อสถาบัน ก็ไม่มีทางตีความเป็นอื่นไปได้ นอกจากบอกให้ไม่เลือกพรรคเพื่อไทย

แต่ทั้งหมดนี้ ผมขำอยู่อย่าง คือท่านคิดว่าท่านเป็นใคร ถึงได้พูดออกทีวี แล้วคิดว่าจะมีคนดู แล้วคิดว่าจะมีคนฟังคนเชื่อท่าน ท่านเป็นนักปราชญ์ราชบัณฑิตมาจากไหน (สมัยนี้ ต่อให้เป็นปราชญ์ราชบัณฑิตคนเขาก็ยังไม่ฟังเลย) ท่านเป็นคนดีมีจิตใจสูงส่งมาจากไหน ก็แค่หัวหน้าส่วนราชการ ที่เลื่อนขั้นมาตามลำดับ ไม่ใช่สิ ข้ามลำดับด้วยซ้ำ เพราะถ้าไม่มีรัฐประหาร 49 ป่านนี้อย่างเก่งท่านก็เป็นแค่ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เผลอๆ อาจเป็นแค่ที่ปรึกษากองทัพบกหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ใบเดียวไปทำงาน

ประชาชนเขามีความจำเป็นอะไรต้องฟังท่าน ต้องเชื่อท่าน ถ้าอย่างนั้น ประชาชนจำเป็นต้องฟังต้องเชื่อปลัดกระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงไอซีที ปลัดกระทรวงเกษตร ฯลฯ ด้วยไหม (แล้วทำไมหัวหน้าส่วนราชการอื่นๆ ไม่มีสิทธิออกทีวีเรียกร้องให้ประชาชนเลือกคนดีบ้าง)

ไอ้ที่คนเขาฟังท่าน ก็เพียงเพราะเขาอยากรู้ท่าทีของผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งมีปืน มีรถถัง มีกำลังพล (และมีรถฮัมวี) ที่มีศักยภาพพอจะแทรกแซงการเลือกตั้ง หรือพอจะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้

นั่นคือสิ่งที่ทูตานุทูตที่เสวนากันอยู่บ้านทูตนอรเวย์เขาฟัง นั่นคือสิ่งที่สำนักข่าวต่างประเทศเขาฟัง

ฉะนั้นคำพูดของท่านจึงไม่มีผลกระทบต่อคะแนนเสียง อาจส่งผลลบด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญคือส่งผลต่อความหวาดวิตกของประชาชนว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกเข้ามามากที่สุด ตามมติมหาชน กองทัพก็อาจเข้าไปแทรกแซงการจัดตั้งรัฐบาลอีก และจะส่งผลให้บ้านเมืองไม่สงบ หรือถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลได้ กองทัพก็จะเป็นหอกข้างแคร่ และทำให้ประเทศยิ่งวิกฤต อย่างที่บรรดานักลงทุนต่างชาติเขาวิตกกังวลกันอยู่

ท่านพูดแล้วจึงต้องรับผิดชอบนะครับ เพราะท่านพูดออกมาขนาดนี้แล้ว ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เขาก็มีสิทธิที่จะเชิญท่านหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ไปนั่งประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างมีความชอบธรรมด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นคือการที่ท่านพูดเรื่องสถาบัน อ้างสถาบัน เข้ามาชักจูงโน้มน้าวให้ประชาชนเลือกไม่เลือก (ทั้งที่ กกต.ออกระเบียบห้ามพรรคการเมืองหาเสียง แต่ ผบ.ทบ.กลับเอาสถาบันมาหาเสียงหน้าตาเฉย) ถ้าสมมติว่าผลการเลือกตั้งออกมาวันที่ 3 ก.ค.แล้วพรรคเพื่อไทยยังชนะถล่มทลาย landslide ได้คะแนนเสียงใกล้เคียงครึ่ง ท่านจะแปลความหมายว่าอย่างไร แปลว่าคนครึ่งประเทศไม่เอาสถาบันอย่างนั้นหรือ เปล่าเลย-ไม่ใช่ เพราะคนส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดอย่างท่าน เรื่องสถาบันก็อยู่ส่วนสถาบัน นี่คนเขาเลือกพรรคการเมืองเพื่อเข้ามาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และคืนความสงบ คืนความยุติธรรมให้สังคม ท่านต่างหากที่เอาสถาบันมาขีดแบ่ง

ฉะนั้นถ้าคืนวันที่ 3 ก.ค.ผลออกมาว่าพรรคเพื่อไทยชนะเกินครึ่ง ท่านควรจะเก็บกระเป๋าเขียนใบลาออกได้เลย แสดงความรับผิดชอบอย่างลูกผู้ชายชาติทหาร ทั้งรับผิดชอบต่อสถาบัน และเสียสละตัวเองเพื่อความสงบสุขของสังคม

หรือถ้าพรรคเพื่อไทยได้ใกล้เคียงครึ่งแล้วจัดตั้งรัฐบาลได้ ท่านก็ต้องรับผิดชอบอยู่ดี

ไม่ต่างกับที่กนกต้องรับผิดชอบ คือคุณจะมีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างไรก็ได้ แต่กลับไปแสดงในเนชั่นทีวี (หรือมหาวิทยาลัยโยนกทีวี-ฮิฮิ) ไม่ควรมาออกจอทีวีของรัฐอีก

เรื่องมาตรา 112 ผมไม่ทราบว่าท่านพูดเพื่ออะไร เพราะถ้าจะมีการแก้ไขกฎหมาย ก็เป็นเรื่องของรัฐสภา ไม่ใช่เรื่องของกองทัพ ที่จะต้องมาเสนอความเห็น ถ้าบอกว่าเป็นหน่วยงานหนึ่ง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ หรือกรมส่งเสริมการส่งออก ก็ควรเสนอความเห็นได้ด้วยเช่นกัน เพราะสถาบันไม่ใช่ของกองทัพ สถาบันเป็นของทุกคน

อย่างไรก็ดี ต้องขอขอบคุณท่าน ผบ.ทบ.ที่ช่วยยกประเด็นโต้แย้งเรื่องควรจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 หรือไม่ ให้กลายเป็นประเด็นระดับชาติ เพราะนี่เป็นครั้งแรกนะครับ ที่เรื่องมาตรา 112 ได้ออกทีวีช่อง 5 ช่อง 7 ไปทั่วประเทศ เราพูดกันมานาน แต่ก็ยังอยู่เฉพาะในแวดวงนักคิดนักเขียนนักวิชาการ อยู่แค่ในเว็บไซต์ แต่ท่านช่วย “จุดพลุ” ให้เป็นประเด็นดีเบทระดับชาติ ขอขอบพระคุณยิ่ง

เพียงแต่ท้วงติงอีกนิดเดียว ที่ท่านพูดถึง อ.ใจ และจักรภพ ทั้งสองคนเขายังไม่มีความผิดนะครับ ศาลยังไม่ได้ตัดสิน เขาแค่หลบหนีเพราะเกรงจะไม่ได้ประกันและเกรงจะมีภัยคุกคาม

สรุปแล้วผมเลยไม่ทราบว่าท่าน ผบ.ทบ.ออกมาพูดเพื่ออะไร หรือถูกใครกดดันให้ออกมาพูด แต่ท่านพูดแล้วไม่ได้เป็นผลดีทั้งต่อตัวเองและต่อสถานการณ์ บอกแล้วไงครับ พรรคเพื่อไทยเขาวางยุทธศาสตร์อย่างฉลาด แสดงท่าทีพร้อมจะปรองดอง แล้วปล่อยให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามออกมาเต้นเอง ออกมาเต้น เอ้า! ออกมาเต้น (เด็ดขาดลีลาไปเล้ย)

เอาแค่ที่ท่านประกาศว่าจะให้ กอ.รมน.ดูแลสื่อสองขั้วที่ยั่วยุ ก็โดนสนธิ ลิ้ม ไล่ไปลงนรกแล้ว (ขณะที่ทักษิณห้ามพรรคเพื่อไทยตอบโต้ อยู่เฉยๆ เก็บคะแนนไปเรื่อยๆ)

เห็นเกมอย่างนี้แล้วผมถึงได้ร้องว่ามันส์พะยะค่ะ มันส์สุดสุด มันส์โคตรโคตร มัน chip หาย แล้วคอยดูต่อไปว่าจะดิ้นกันอย่างไรอีก

เชื่อได้เลยว่า เดี๋ยวจะต้องมีบุคคลระดับสูงกว่าประยุทธ์ ออกมาเรียกร้องให้เลือกคนดี เลือกเพื่อสถาบันอีก

อดรนทนไม่ได้กันนักก็เรียงหน้าออกมาเล้ย

 

                                                                                                 ใบตองแห้ง
                                                                                                 17 มิ.ย.54

No comments:

Post a Comment