Saturday, July 2, 2011

3 กรกฎาคม 2554 สัญญาณ "มือที่มองเห็น" ถึงมือที่มองไม่เห็น



3 กรกฎาคม 2554 สัญญาณ "มือที่มองเห็น" ถึงมือที่มองไม่เห็น

วันที่ 02 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 21:30:00 น.

Share17




(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 2 กรกฎาคม 2554)


 


ไม่ว่าความห่วงใยอันมาจากเลขาธิการสหประชาชาติ ไม่ว่าความห่วงใยอันมาจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

เป็นเรื่องดี

1 แสดงให้เห็นว่าองค์กรโลกบาลและมิตรประเทศต้องการเห็นการเลือกตั้งเป็นช่องทางออกจากวิกฤต จากปัญหาอันยืดเยื้อเรื้อรัง

ยืดเยื้อเรื้อรังมาเป็นเวลาเกือบ 5 ปี

ขณะเดียวกัน 1 แสดงให้เห็นด้วยว่าองค์กรโลกบาลและมิตรประเทศประจักษ์เป็นอย่างดีถึงโอกาสและแนวโน้มที่จะเกิดสถานการณ์เหมือนกับเมื่อเกือบ 5 ปีก่อนอีก

ไม่ถึงกับระดับ บัน คีมุน ก็มองออก

ไม่ถึงกับระดับ นางคริสตี เคนนีย์ ก็มองออก

นักวิเคราะห์จากต่างประเทศ ไม่ว่าจะแสดงผ่าน วอลสตรีต เจอนัล ไม่ว่าจะแสดงผ่านเดอะไทมส์แห่งลอนดอน ไม่ว่าจะแสดงผ่านสำนักข่าวเอเอฟฟี มีความเห็นตรงกัน

ตรงกันว่า ภายหลังการเลือกตั้งจักต้องเกิดความวุ่นวาย และแนวโน้มที่จะทหารจะออกมาแล้วทำรัฐประหารอีกมีความเป็นไปได้สูง

เหตุปัจจัยเห็นตรงกันว่า มาจากกรณีพรรคเพื่อไทย

ท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ ท่าทีของพันธมิตรพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะไม่พูดตรงๆ แต่ก็แสดงออกไปในทางที่เห็นว่า กรณีพรรคเพื่อไทยเป็นปัจจัยอันล่อแหลม

นั่นก็คือ ชุดทางความคิดที่ปล่อยออกมาเป็นลำดับ

เริ่มต้นจากถึงจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หากชัยชนะนั้นไม่เหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์มากนัก

ตามมาด้วยถึงได้ชัยชนะอย่างท่วมท้นการจัดตั้งรัฐบาลก็จะไม่ราบรื่น

ความไม่ราบรื่นในระหว่างการจัดตั้งรัฐบาลหนักหนาสาหัสอย่างยิ่งอยู่แล้ว เมื่อเป็นรัฐบาลก็จะไม่ได้รับความร่วมมือจากกลไกอำนาจรัฐอื่นๆ

ในที่สุด "อำนาจพิเศษ" ก็บงการให้บางกลไกออกมาแสดงบทบาท

ในความเชื่อของนานาชาติ ไม่ว่าจะจากสหประชาชาติ ไม่ว่าจะจากมหาอำนาจที่เฝ้ามองอยู่ ก็มองเห็นความล่อแหลมที่กองทัพจะได้รับคำบงการจาก "อำนาจพิเศษ" ซึ่งดำรงอยู่ในประเทศเข้ามาสกัดขัดขวาง

สกัดขัดขวางด้วยกระบวนการรัฐประหาร สกัดขัดขวางมิให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดำเนินไปได้โดยราบรื่น

นั่นเท่ากับฝันร้ายเมื่อเดือนกันยายน 2549 จะหวนกลับมาแสดงบทบาทรัฐประหาร "ซ้ำ"

หากพรรคประชาธิปัตย์ได้ชัยในสนามเลือกตั้งอย่างท่วมท้น ความร้อนแรงที่ติดตามมาจะแตกต่างจากหากพรรคเพื่อไทยได้ชัยในสนามเลือกตั้งอย่างท่วมท้น

ปมเงื่อนทางการเมืองในขณะนี้กำลังเดินไปในทิศทางอย่างหลัง

เพราะไม่ว่าจะเป็นโพลอันมาจากสถาบันการศึกษา อย่างสถาบันบัณฑิตพัฒนาบริหารศาสตร์ อย่างมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ อย่างมหาวิทยาลัยกรุงเทพ อย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต อย่างธุรกิจบัณฑิตย์ ล้วนชี้ไปในทิศทางเดียวกัน

นั่นก็คือ พรรคเพื่อไทยจะกำชัยเหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์

กระแสอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในทางสังคมขณะนี้ คือ กระแสที่จะหนุนเสริมให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

มิใช่กระแสที่จะหนุนเสริมให้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกรัฐมนตรี

การวิเคราะห์ถึงแนวโน้มความวุ่นวายทางการเมืองจึงอึกทึกครึกโครมอย่างยิ่ง ทั้งด้วยเหตุผลเพื่อเตะสกัดขาพรรคเพื่อไทย เตะสกัดขา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ขณะเดียวกัน ทั้งด้วยการวิเคราะห์ตามสภาพความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ในทางการเมืองของสังคมไทย

ความห่วงใยอันมาจากเลขาธิการสหประชาชาติ ความห่วงใยอันมาจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศไทย จึงเหมาะสมอย่างยิ่ง

เท่ากับเป็นการเตือนให้เคารพเสียงประชาชน และยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย

การเลือกตั้ง คือ กระบวนการสำแดงเจตจำนงร่วมของประชาชนอันเด่นชัดด้วยมือที่มองเห็นได้

จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เจตจำนงร่วมจาก "มือที่มองเห็น" ของประชาชนจะส่งผลสะเทือนในเชิงเตือนและกำราบ "มือที่มองไม่เห็น" ได้บังเกิดความสำเหนียก

สำเหนียก สำนึกและยอมรับในเสียงอันแท้จริงของประชาชน

No comments:

Post a Comment